ยินดีต้อนรับสู่โลกของงานอาชีพ
  การฝึกอบรมมีประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองอย่างไร

      ใครที่กำลังเบื่อการฝึกอบรมอยู่ในขณะนี้ เราอยากจะแนะนำให้ลองไปพูดคุยหรือสอบถามคนทำงานรุ่นพี่ เช่น คนที่ทำงานมานาน คนที่กำลังจะเกษียณอายุ หรือคนที่ออกจากงานไปแล้ว ว่าตอนที่เขาเป็นลูกจ้างในช่วงอายุเดียว กับเรานั้น ถ้าสามารถย้อนเวลาหาอดีตได้ เขาคิดว่าเขาจะรู้สึกเสียดายอะไรบ้างกับชีวิตลูกจ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการพัฒนาฝึกอบรม เพื่อให้คนที่กำลังเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่รู้สึกเสียดายโอกาสในการเรียนรู้เหมือนคนรุ่นก่อนๆ อีก และเพื่อให้เราเป็นมนุษย์เงินเดือน มืออาชีพอย่างแท้จริง เราจึงขอเสนอแนวทางในการพัฒนาตนเองดังนี้

      1. ไม่มีอาชีพไหนที่ได้อบรมฟรี และมีเงินเดือน
ถ้าลองคิดดูดีๆแล้ว จะพบว่าอาชีพลูกจ้างเป็นอาชีพที่มีโอกาสในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ไม่เหมือนกับคนที่ ประกอบอาชีพอิสระ ไม่เคยมีโอกาสแม้กระทั่งอบรม หรือถ้าจะเข้าอบรมก็ต้องเสียเงินทอง ในขณะที่ลูกจ้างมีโอกาสเรียนรู้ ฝึกอบรมฟรี แถมยังได้รับเงินเดือนอีกต่างหาก บางครั้งวิทยากรที่บริษัทเชิญมาเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถสูง โอกาสที่คนทั่วๆ ไปจะได้ฟังนั้น แทบจะไม่มีเลย ดังนั้น เราฐานะผู้ได้รับโอกาส จงใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์กับตัวเองให้มากที่สุด

     2. จงอย่าเลือกก่อนที่จะเรียน แต่เรียนแล้วค่อยเลือก
หลายคนเลือกที่เรียนในสิ่งที่ตัวเองอยาก ไม่ต้องการเรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ สุดท้ายก็ได้แต่สิ่งที่ชอบเพียงเรื่องหรือสองเรื่อง เราอยากจะแนะนำว่า ถ้าเรามีโอกาสในการเรียนรู้ จงเรียนรู้ไว้ก่อน ถ้าเราเรียนรู้มากโอกาสในชีวิตของเราก็มีมาก ไม่มีใครรู้ได้ล่วงหน้าว่า อีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้า เราต้องการจะใช้ความรู้อะไรบ้าง ดังนั้น การเก็บเกี่ยวความรู้จากการทำงานและการฝึกอบรมจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก วันหนึ่งข้างหน้า เราจะได้มีทางเลือกในการนำเอาความรู้ที่เก็บสะสมออกมาใช้ได้

     3. คิดว่ายิ่งเรียนมาก เราได้มากกว่าบริษัทฯ
การเข้ารับการอบรมไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรอะไร คนแรกที่ได้ประโยชน์คือตัวเราเอง หน่วยงานหรือบริษัทยังไม่ได้อะไรเลย ถ้าเรา ไม่นำเอาความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปใช้งาน ดังนั้น อยากจะให้มนุษย์เงินเดือนทุกคน จงคิดเสมอว่าทุกครั้งที่บริษัทส่งเรา ไปอบรมเราได้มากกว่าบริษัทเสมอ ให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ว่าการที่บริษัทส่งเราเข้าอบรมคือการได้รับรางวัลเพิ่มเติม นอกเหนือ จากเงินเดือนและได้หยุดงานไปเท่ากับจำนวนที่เข้าอบรมลองนำเอาความรู้จากการฝึกอบรมไปประยุกต์ใช้ทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน      ทุกครั้งที่มีโอกาสเข้ารับการฝึกอบรม ให้ลองนำเอาความรู้ที่ได้อย่างน้อยสักข้อก็ยังดีมาประยุกต์ใช้กับชีวิตส่วนตัวเรา เองก่อน เช่น ไปอบรม 5 ส ก็ให้ลองนำหลักการไปใช้ที่บ้านก่อน ถ้าไปอบรมเรื่อง KPI (Key Performance Indicator) ก็ลองนำมาจัดทำเป็น KPI ชีวิตตัวเองก่อน เชื่อได้เลยว่าความรู้เกือบทุกเรื่องที่คุณได้มีโอกาสได้เรียนรู้หรือรับการฝึกอบรม สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาและบริหาร ชีวิตตัวเองได้

     4. ความรู้คือทรัพย์สินชิ้นสำคัญที่เราไม่ต้องคืนให้บริษัทตอนวันที่ลาออก
เมื่อเราเป็นลูกจ้างเราอาจจะไม่รู้ว่าเราได้หรือเราเสียอะไรบ้าง แต่เมื่อวันหนึ่งเราต้องเดินออกจากองค์กรนั้นๆ ไป ลองคิดดูซิคะว่า อะไรบ้างที่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต ตำแหน่ง เงินเดือน โบนัส ลูกน้อง สิ่งเหล่านี้ติดไปเป็นเพียงประวัติของชีวิตเรา แต่สิ่งหนึ่งที่เรา ไม่จำเป็นต้องคืนให้กับบริษัทตามระเบียบของบริษัทฯ ก็คือ “ความรู้และประสบการณ์” ที่อยู่ในหัวของเรา ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนองค์กร เปลี่ยนงานไปกี่ทีสิ่งนี้ก็ยังคงอยู่กับเราตลอดเวลา สิ่งนี้แหละเป็นสิ่งที่จะบ่งบอกว่า เราเป็นลูกจ้างมืออาชีพที่คุ้มค่าหรือไม่ตอนที่เรา ออกไปทำงานส่วนตัวหรือออกไปดำรงชีพอยู่ในสังคม
        สุดท้ายนี้ ถ้าเรามีสินทรัพย์ในตัวในหัวเต็มไปด้วยความรู้และประสบการณ์แล้ว ทรัพย์สินภายนอกไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ตำแหน่งหน้าที่ จะหาเมื่อไหร่ก็ได้ คุณว่าจริงหรือไม่คะ


ที่มา : http://www.hrcenter.co.th