สมัยก่อนความเด็ดขาดของผุ้นำทำให้ ละคร เป็นเพียงการละเล่นที่ปะปนกับการแสดงที่ชวนให้น่ารื่นเริงบันเทิงใจของชาวบ้านเท่านั้น นักแต่ง นักประพันธ์ สมัยนั้นต่างก็ยอมรับว่าไม่ควรนำละครมาสร้างแล้วให้เกิดความแตกแยกระหว่างชาวบ้านและผู้นำ ซึ่งทำให้เกิดละครมากมาย เช่น บ้านทรายทอง คู่กรรม เรื่องผีก็มี แม่นากพระโขนง สร้างกี่ครั้งก็จะวิ่งกันทั้งเรื่อง มุดลงโอ่ง และมีละครอีกมากมาย จนมีคำพูดติดปากว่ามีแต่สร้าง ละครน้ำเน่า แต่เมื่อมีชาวบ้านร้านตลาดดู ละครน้ำเน่า ที่มีแต่ด่าทอใส่กัน ตบตีแย่งผัวกันจบแล้ว ก็ไม่เห็นว่ามีชาวบ้านร้านตลาดคนไหนที่จะออกมาทะเลาะกันจนก่อความวุ่นวายแต่อย่างไร ละครจึงเป็นเพียงชีวิตจริงส่วนหนึ่งของชาวบ้านที่ผู้ประพันธ์มีเจตนารมณ์ที่ต้องการสะท้อนความจริงของชีวิตคนในสังคมเท่านั้น
สมัยนี้ความเด็ดขาดของผู้นำแทบจะไม่มี สังคมเจริญขึ้นจริงหรือเสื่อมลง เพราะเมื่อละครเก่ากลับมาสร้างใหม่ ขณะที่ละครใหม่กำลังเกิดขึ้นมากมาย เนื้อหาของละครเหล่านั้นกลับมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองมากขึ้น วาทะกรรมมีมากมาย เสียดสี ส่อเสียดการเมืองการปกครองมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดที่ดูละครเหล่านั้น แทนที่จะได้ความบันเทิงตามเจตนารมณ์ของผู้ประพันธ์ที่เป็นต้นฉบับอย่างแท้จริง แต่ผู้สร้างละครเหล่านั้นได้นำบทประพันธ์มาดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับสังคมในยุคนี้สมัยนี้ หากสะท้อนภาพชีวิตจริงของคนในสังคมก็ไม่น่าจะมีปัญหาอย่างไร เพราะกิเสลตัณหาราคะของคนย่อมมีได้ในทุกคนไปไม่ว่าจะผ่านยุคสมัยไหนมาก็จะคิดคล้ายกันเพราะเป็นเรื่องของผัวผัวเมียเมีย
การนำละครมาดัดแปลงจากที่เรียกว่า ละครเพื่อสร้างความบันเทิงให้ผู้ดู เพื่ออธิบายได้ว่า ดูละครแล้วย้อนดูตัวเราว่าเป็นดังเช่นละครหรือไม่เพื่อจะได้แก้ไขที่ตัวเรา กลับกลายเป็นว่า ละครเพื่อสร้างความขัดแย้งให้ผู้ดู เพื่ออธิบายว่า ดูละครแล้วย้อนดูว่าเราพอใจกับความขัดแย้งจนนำไปสู่ความแตกแยกหรือไม่ บทประพันธ์ ไปถึงคำพูด คำจา การชักสีหน้า การแสดงท่าทางของตัวละครแต่ละคนนั้นไม่ใช่ ศิลปิน ที่แท้จริง เพราะศิลปินที่แท้จริง คือ ผู้สร้างสรรค์ผลงาน จรรโลงใจ มีธรรมจารรยา มีแต่ความอ่อนหวาน เน้นความสามัคคี สร้างความสงบสุขให้กับบ้านเมือง
ตัวละคร เหล่านั้นจึงเป็นเพียงผู้รับจ้างเพื่อแสดงออกด้วยคำพูด หน้าตา ท่าทาง ซึ่งมิใช้ผู้ที่ควรจะได้รับการเรียกขานว่า ศิลปิน แต่อย่างไร ดังนั้น การขายฝัน ขายความคิด ขายคำพูด จะขายในฐานะใด่ที่ไหนก็ได้ แต่อย่ามาขายในฐานะที่เป็น ศิลปิน เลยเพราะ ศิลปิน มิใช่ผู้ก่อปัญหาแห่งความขัดแย้ง แต่แท้จริงแล้วนั้น ศิลปิน คือ ผู้ที่ก่อให้เกิดความสุขแก่มนุษย์ทั้งโลก
การเมืองนำการทหาร การทหารนำการเมือง ธุรกิจการเมือง สื่อมวลชนการเมือง มีได้ไม่ว่ากัน แต่ขอเถอะครับว่า อย่าให้เกิดศิลปินการเมืองในประเทศไทยเลยนะครับ ขอให้มีพื้นที่ที่สงบสุขให้กับ ศิลปิน (แท้จริง) ได้ยืนหยัดอยู่ได้ในสังคมไทยด้วยความภาคภูมิใจตลอดไปด้วยนะครับ