Making an Appointment 
ในการต้อนรับผู้มาเยือนชาวต่างประเทศ ผู้ทำหน้าที่ต้อนรับอาจต้องมีการนัดหมายกับผู้มาเยือนในกำหนดการต่างๆ เช่น เวลาและสถานที่ที่จะต้องไปรับ หรือไปพบ สำนวนประโยคที่จะมีประโยชน์ในการสื่อสารในการนัดหมายนี้จึงอาจรวมถึงการนัดหมายการนัดหมายอาจใช้สำนวนในสถานการณ์ต่างๆ ใช้คำถามประเภท Yes-No โดยทั่วๆ ไป ดังนี้
ถามว่าผู้นั้นว่างหรือไม่ |
Are you free tomorrow morning? (คุณว่างไหมพรุ่งนี้เช้า)
Are you doing anything on Tuesday evening? (คุณทำอะไรหรือเปล่าวันอังคารตอนเย็น) |
 |
ถามว่าจะมาพบกันตามเวลาที่ระบุได้หรือไม่ |
Can I see you tomorrow morning? (ฉันมาพบคุณพรุ่งนี้เช้าได้ไหม)
Shall we meet here within half an hour? (เรามาพบกันที่นี่ในอีกครึ่งชั่วโมงไหม) |
 |
ถามว่าจะมาพบกันได้ ณ สถานที่ที่ระบุได้หรือไม่ |
Shall we meet at the lobby? (เรามาพบกันที่ลอบบี้ได้ไหม)
Could you join us at the front gate? (คุณมาร่วมกับเราที่รั้วข้างหน้าไหม) |
 |
ถามว่าจะสะดวกไหมถ้าจะพบกันในวันและ/หรือสถานที่ที่ระบุ |
Will it be all right if I meet you on Monday morning at your hotel? (จะเป็นไรไหมที่จะไปพบคุณวันจันทร์เข้าที่โรงแรมคุณ)
Will you be able to meet me in the evening at the front gate? (คุณจะมาพบฉันตอนเย็นที่ประตูหน้าได้ไหม)
Would Wednesday at 2 in the afternoon suit you? (วันพุธบ่าย2โมงจะสะดวกไหม) |
 |
การตอบรับและปฎิเสธ
ตอบรับ |
ตอบปฎิเสธ |
(Yes.) That’s fine. |
 |
Oh, dear +(เหตุผลที่ไม่ว่าง) |
 |
That’s OK. |
I’m afraid +(เหตุผลที่ไม่ว่าง) |
That would be fine |
I’m not free +(เหตุผลที่ไม่ว่าง) |
การถามและระบุวัน เวลา Asking and telling the date and time to meet

การถามเกี่ยวกับวันและเวลาอาจใช้คำถามที่ขึ้นต้นด้วย wh-question word 2 ประเภท ดังนี้
- What time ใช้ตั้งต้นถามเกี่ยวกับเวลา เช่น
คำถาม |
คำตอบ |
What time will you be available for our meeting?
(คุณจะว่างที่จะประชุมกันกี่โมง) |
At 10 a.m. |
 |
What time do you want us to pick you up?
(คุณต้องการให้เราไปรับคุณกี่โมง) |
At six thirty. |
 |
What time would be convenient for you?
(คุณจะสะดวกเวลาใด) |
At around ten in the evening. |
 |
- When ใช้ตั้งต้นคำถามเกี่ยวกับเวลา และวัน เช่น
คำถาม |
คำตอบ |
When will you be available for our meeting? (คุณจะว่างที่จะประชุมเมื่อไร) |
At 10 a.m.
Tomorrow at 10 a.m. |
 |
When should we pick you up? (เราควรจะไปรับคุณเมื่อไรดี) |
At six thirty.
On January 10, at six thirty. |
 |
When will you arrive? (คุณจะมาถึงเมื่อไร) |
At around midnight.
On Tuesday, January 10, at six thirty. |
 |
การถามและระบุสถานที่ Asking and telling the meeting place

การถามเกี่ยวกับสถานที่มักใช้คำ where ขึ้นต้นคำถาม เช่น
คำถาม |
คำตอบ |
Where shall we meet? (เราจะพบกันที่ไหนดี) |
At the information desk.
In your office. |
 |
Where should we pick you up? (เราควรจะไปรับคุณที่ไหนดี) |
At the meeting point.
On the first floor. |
 |
Where will you wait for us? (คุณจะรอเราที่ไหน) |
At the lobby.
At the parking lot. |
 |
Suggesting 
ในการต้อนรับผู้มาเยือนชาวต่างประเทศ ผู้ทำหน้าที่ต้อนรับอาจต้องมีการเสนอแนะผู้มาเยือนในกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องต่างๆสำนวนประโยคที่จะมีประโยชน์ในการสื่อสารในการเสนอแนะหรือชักชวนชี้แนะมีดังนี้
ตัวอย่างประโยค |
Shall we move to the next room?
(เราไปห้องต่อไปไหม)
Shall we have lunch now?
(เราไปรับประทานอาหารกลางวันเลยตอนนี้ไหม) |
 |
Let’s discuss the project tomorrow.
(เรามาอภิปรายเรื่องโครงการกันวันพรุ่งนี้เถอะ)
Let’s not go into too much detail about the format at this time.
(เราอย่าเพิ่งมาลงรายละเอียดเรื่องรูปแบบกันตอนนี้เลย) |
 |
How about visiting the branch offices today?
(ไปเยี่ยมชมสำนักงานสาขากันวันนี้ไหม)
How about a visit to the headquarters?
(ไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่กันวันนี้ไหม) |
 |
สำนวนที่ใช้ในการตอบรับและปฏิเสธการเสนอแนะมีดังนี้
สำนวนที่ใช้ในการตอบรับ |
สำนวนที่ใช้ในการตอบปฏิเสธ |
Yes, lets.
That sounds good.
That sounds like a good idea. |
 |
I don’t think so +(เหตุผล)
I’m afraid I can’t +(เหตุผล) |
 |
ดัดแปลงจาก จรัสวัฒน์ ไตรรัตน์ เอกสารการสอนชุดวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร หน่วยที่ 3 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช หน้า 141-143
Giving Directions 
ในการต้อนรับผู้มาเยือนชาวต่างประเทศ ผู้ทำหน้าที่ต้อนรับอาจต้องมีการถามทิศทาง บอกทิศทาง และ การบอกวิธีการเดินทาง สำนวนประโยคที่จะมีประโยชน์ในการสื่อสารในบอกและถามทิศทางมีดังนี้
1. การถามทิศทาง
การถามทิศทางมักใช้คำ Excuse me เพื่อขอรบกวนเรียกผู้ที่เราต้องการถาม และต่อด้วยประโยคคำถามที่สื่อความหมายว่าจะไปยังสถานที่ที่ผู้ถามระบุได้อย่างไร
How do I get to…? |
How do I get to the police station? |
 |
What’s the best way to …? |
What’s the best way to the skytrain station? |
Where is …? |
Where is the ladies? |
Excuse me. Do you know where … is? |
Excuse me. Do you know where the post office is? |
Is there a … near here? |
Is there a hospital near here? |
2. การบอกทิศทาง
การบอกทิศทาง อาจบอกวิธีการเดินทาง หรือ อาจระบุตำแหน่งของสถานที่ ดังนี้
- การบอกวิธีเดินทาง ใช้สำนวนต่อไปนี้เพื่อบอกทิศทาง โดยอาจต้องใช้หลายสำนวนติดต่อกัน โดยขั้นด้วยคำ Then (แล้วจึง) Next (ต่อไป) After that (หลังจากนั้น)
Go straight on. |
ตรงไปข้างหน้า |
 |
Go straight on until you come to … |
ตรงไปข้างหน้าจนถึง... |
Turn back. |
กลับไปทางเก่า
|
Go back. |
Turn left. |
เลี้ยวซ้าย |
Turn right. |
เลี้ยวขวา |
Turn into … Street. |
เลี้ยวเข้าไปถนน... |
Go along… |
ไปตาม… |
Cross … |
ข้าม... เช่น
Cross the road. (ข้ามถนน)
Cross the bridge. (ข้ามสะพาน) |
Take the first road on the left. |
เลี้ยวเข้าถนนแรกทางซ้าย |
Take the second road on the right. |
เลี้ยวเข้าถนนที่สองทางขวา |
It’s on the left. |
อยู่ทางซ้าย |
It’s on the right. |
อยู่ทางขวา |
Go straight on until you reach … |
ตรงไปเรื่อยๆ จนถึง... |
Then turn … |
จากนั้นเลี้ยว... |
Take the bus number… |
ขึ้นรถประจำทางหมายเลข... |
Take the skytrain. |
ขึ้นรถไฟฟ้า |
Take the underground at … |
ขึ้นรถไฟใต้ดินที่... |
Then get off at … |
จากนั้นลงรถที่... |
- การระบุตำแหน่งของสถานที่ โดยใช้บุพบทเหล่านี้ในโครงสร้างประโยค ดังนี้
สถานที่ is/are + บุพบท + (สถานที่) เช่น
It’s
opposite the railway station.

My office is
on the first floor.
opposite |
ตรงกันข้าม |
 |
near |
ใกล้ |
between |
ระหว่าง |
at the end of |
ที่สุด เช่น at the end of the road (ที่สุดถนน) |
on the corner |
ที่หัวมุม |
at the corner |
behind |
ข้างหลัง |
in front of |
ข้างหน้า |
around the corner |
แถวๆ หัวมุม |
in the basement |
ชั้นแรก |
on the first floor |
ชั้นที่ 1 (ถ้าเป็นระบบอังกฤษ คือขั้นที่ 2) |
on the second floor |
ชั้นที่ 2 (ถ้าเป็นระบบอังกฤษ คือ ชั้นที 3) |