ฉบับประจำเดือน มกราคม 2551

การคัดกรองความเสี่ยงและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
มาตรการสำคัญในการป้องกันและแก้ไขโรคหัวใจและหลอดเลือด

รองศาสตราจารย์ ดร.นิตยา เพ็ญศิรินภา

                ภัยเงียบของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้คุกคามชีวิตของคนไทยจำนวนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุของการป่วย พิการ และเสียชีวิต ตลอดจนเป็นภาระต่องบประมาณด้านการดูแลสุขภาพของคนไทยที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต  ดังจะเห็นได้จากสถานบริการสาธารณสุขทั้งของภาครัฐและเอกชน และสถานบริการทุกระดับตั้งแต่ปฐมภูมิ ทุติยภูมิและตติยภูมิ ต่างแออัดไปด้วยผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ส่งผลให้งบประมาณที่รัฐจัดสรรให้สำหรับโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าตามรายหัวประชากรจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายด้านยา บุคลากร การจัดสถานที่และเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ ในขณะที่งบประมาณของประเทศมีอยู่อย่างจำกัด
กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงมีมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยมีมาตรการการคัดกรองความเสี่ยงประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุ 35 ปี ขึ้นไป เพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงและโรคในระยะเริ่มต้น เพื่อที่จะมีการดำเนินการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง รวมทั้งการส่งไปรับการรักษาตั้งแต่เริ่มแรก อันจะส่งผลให้ลดความรุนแรงของโรคในรายที่ป่วยแล้ว และป้องกันโรคในรายที่มีความเสี่ยง  
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานคัดกรองความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ผ่านมาของสถานบริการสาธารณสุขส่วนใหญ่ จะเน้นที่บริการตรวจคัดกรอง และรายงานผลการตรวจคัดกรองว่าพบผู้ที่เสี่ยงและป่วยจำนวนมากน้อยเพียงไร รวมทั้งส่งต่อผู้ป่วยให้ไปรับการรักษา แต่สำหรับมาตรการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงยังดำเนินการน้อยหรือดำเนินการในรูปแบบของให้ข้อมูลความรู้เรื่องสุขภาพมากกว่าการพัฒนาทักษะในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในวิถีชีวิตได้อย่างแท้จริง ซึ่งปัจจัยส่วนหนึ่งคือผู้ที่รับผิดชอบงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมยังคุ้นชินกับการสอนความรู้แบบเดิม ๆ หรือขาดทักษะในการจัดกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  ตลอดจนผู้บริหารไม่มีความเข้าใจและไม่ให้ความสำคัญกับกระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีคุณภาพ ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่สถานบริการต่าง ๆ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้านกลวิธีและกระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตลอดจนให้การสนับสนุนในเชิงนโยบายและทรัพยากรในการดำเนินการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีคุณภาพ อันจะส่งผลให้สามารถสกัดกั้นผู้ป่วยรายใหม่โดยไปลดปัจจัยเสี่ยงด้านพฤติกรรมอันเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด ในขณะเดียวกันผู้ที่ป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหากได้รับการพัฒนาพฤติกรรมการดูแลตนเองควบคู่ไปกับการรักษาโรค ก็จะทำให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมโรคได้ ลดภาวะแทรกซ้อน และลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลลงด้วย
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นสถาบันการศึกษาที่ผลิตบุคลากรระดับปริญญาตรีและปริญญาโทด้านสาธารณสุขศาสตร์ ซึ่งมีคณาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข รวมทั้งด้านการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพตามแนวคิดการเสริมพลัง (Empowerment) ได้มีประสบการณ์การทำโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขด้านการเสริมพลังเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด  โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สาขาเขตพื้นที่ (กรุงเทพมหานคร) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๑ จะนำประสบการณ์ดังกล่าวมาแลกเปลี่ยนกับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในฉบับต่อไป เพื่อเป็นประโยชน์ในการประยุกต์ใช้กับการจัดบริการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้กับกลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

               

สำหรับแบบฟอร์มการตรวจคัดกรองความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ของสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ มีดังต่อไปนี้