ฉบับประจำเดือน มิถุนายน 2550
คุณธรรมและจริยธรรมสำหรับแพทย์แผนไทย
อาจารย์กิตติชัย อนวัชประยูร
1. ความหมายของคุณธรรมและจริยธรรมสำหรับแพทย์แผนไทย
คุณธรรม พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายความว่า สภาพคุณงามความดี
คุณธรรม พจนานุกรมฉบับมติชน พ.ศ. 2547 หมายความว่า ความดีและความเป็นธรรม
นอกจากนี้ คุณธรรม หมายความว่า น้ำใจที่จะปฏิบัติความดีต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นทั้งต่อตนและผู้อื่น สภาพของคุณงามความดีที่มีประจำอยู่ในตัวคน ที่จะแสดงหรือปฏิบัติความดีออกมาในลักษณะที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งบุคคลใดที่มีคุณธรรมย่อมเป็นคนดีประพฤติดีเป็นที่นับถือเคารพของคนทั่วไป แม้ในการปฏิบัติหน้าที่การงานอาชีพใด ถ้าบุคคลนั้นมีคุณธรรมย่อมเป็นที่รักใคร่และเป็นมิตรกับคนทั่วไป ซึ่งเป็นรากฐานของจริยธรรม
จริยธรรม พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายความว่า ธรรมที่เป็นข้อควรปฏิบัติ ศีลธรรม กฎศีลธรรม
จริยธรรม พจนานุกรมฉบับมติชน พ.ศ. 2547 หมายความว่า ธรรมที่เป็นข้อควรปฏิบัติ
นอกจากนี้ จริยธรรม หมายความว่า แนวทางการประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นคนดี เพื่อประโยชน์สุขของตนเองและส่วนรวม โดยมีการกำหนดขึ้นเป็นกฎเกณฑ์ที่จำเป็นต้องปฏิบัติ
คุณธรรมและจริยธรรม มีความเหมือนกันในเรื่องของความหมาย คือ ของสภาพคุณความดีที่มีอยู่ ซึ่งแสดงออกเป็นความประพฤติที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น ส่วนความแตกต่างกัน คือ คุณธรรมเป็นเรื่องของจิตใจที่มิได้แสดงออกมาภายนอกและไม่ได้มีการกำหนดไว้เป็นกฎหรือกฎเกณฑ์อย่างเด่นชัด ส่วนจริยธรรมเป็นแนวทางการประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นคนดีใช้กับบุคคลทั่วไป
การแพทย์แผนไทย ตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 หมายความว่า การประกอบโรคศิลปะตามความรู้หรือตำราแบบไทยที่ถ่ายทอดและพัฒนาสืบต่อกันมา หรือตามการศึกษาจากสถานศึกษาที่คณะกรรมการรับรอง
โดยที่การประกอบโรคศิลปะ หมายความว่า การประกอบวิชาชีพที่กระทำหรือมุ่งหมายจะกระทำต่อมนุษย์เกี่ยวกับการตรวจโรค การวินิจฉัยโรค การบำบัดโรค การป้องกันโรค การส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพ การผดุงครรภ์ แต่ไม่รวมถึงการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ๆ
การแพทย์แผนไทย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 หมายความว่า กระบวนการทางการแพทย์เกี่ยวกับการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษา หรือป้องกันโรค หรือการส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพของมนุษย์ หรือสัตว์ การผดุงครรภ์ การนวดไทย และให้หมายความรวมถึงการเตรียมการผลิตยาแผนไทย และการประดิษฐ์อุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ทั้งนี้โดยอาศัยความรู้หรือตำราที่ได้ถ่ายทอดและพัฒนาสืบต่อกันมา
สรุปได้ว่า คุณธรรมและจริยธรรมสำหรับแพทย์แผนไทย หมายความว่า สภาพคุณงามความดีและความเป็นธรรม ใช้เป็นแนวทางการประพฤติปฏิบัติตนในการบำบัดโรคและรักษาสุขภาพให้กับผู้ป่วยหรือคนไข้ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและบุคคลทั่วไป
แพทย์แผนไทยไม่เพียงจะต้องมีความรู้ทางวิชาการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ต้องมองเห็นโลกและชีวิตที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริง ที่สัมพันธ์กับปัจจัยอื่น ๆ ทั้งทางกาย สังคม วัตถุสิ่งของ และธรรมชาติทั้งหมด ต้องปฏิบัติด้วยความเข้าใจชีวิตจิตใจของเพื่อนมนุษย์และเห็นอกเห็นใจคนเจ็บไข้ มีความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง ถือว่าผู้ป่วยหรือคนไข้ คือ คนทั้งคนที่มีทั้งกายและจิตใจ พร้อมทั้งความสัมพันธ์กับผู้อื่นในสังคมท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมทางธรรมชาติและทางวัตถุ ซึ่งการบำบัดโรครักษาร่างกายของเขาทั้งได้รับผลและส่งผลกับสิ่งเหล่านั้น การบำบัดรักษาต้องเป็นการปฏิบัติที่ไม่โดดเดี่ยวขาดลอย แต่ต้องเชื่อมโยงประสานอิงอาศัยกันและส่งผลมีอิทธิพลต่อองค์ประกอบและปัจจัยอื่น ๆ ที่มีอยู่ทั่วทั้งระบบของการดำรงชีวิตมนุษย์ ซึ่งจะทำให้การบำบัดโรคและรักษาสุขภาพสำเร็จเป็นผลดีแก่ชีวิตที่จะดำรงอยู่ด้วยดีและเจริญพัฒนาสู่สภาวะที่ดียิ่งขึ้นไป
2. คุณธรรมและจริยธรรมที่พึงปฏิบัติสำหรับแพทย์แผนไทย
ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยที่ดีนั้น นอกจากจะมีความรู้ ทักษะประสบการณ์ในวิชาชีพแล้ว ต้องมีคุณธรรมและจริยธรรมกำกับด้วย จะทำให้นอกจากเป็นแพทย์ที่เก่งแล้วจะทำให้เป็นแพทย์ที่ดี ด้วยการมีคุณธรรมและจริยธรรม สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยจะทำการบำบัดรักษาด้วยเมตตาธรรม เพื่อประโยชน์สุขและบำบัดทุกข์ให้แก่คนไข้ คัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรมและจริยธรรมสำหรับแพทย์แผนไทย ได้แก่ จรรยาแพทย์ตามคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ของพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) จากตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์เล่ม 1 คัมภีร์แพทยาลังการ คัมภีร์เวชศึกษา ของพระยาพิศณุประสาทเวช และจรรยาเภสัช จากตำราเภสัชกรรมแผนไทย ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะคัมภีร์แพทยาลังการ
คัมภีร์แพทยาลังการ ของพระยาพิศณุประสาทเวช
กล่าวด้วยคุณธรรมอันเป็นเครื่องประดับของหมอ คนที่เป็นหมอใช่แต่จะมีแต่ความรู้ในยา และรู้จักโรคอย่างเดียวนั้นเมื่อใด ควรต้องเป็นคนที่อัธยาศัยอันเรียบร้อยเป็นที่พอใจของคนทั้งหลายด้วย จึงจะเป็นหมอดีได้ ถ้าเป็นแต่รู้วิชาของหมอ แต่ไม่เป็นผู้มีความอารีโอบอ้อมต่อคนทั้งหลายแล้ว ก็ไม่มีใครนับถือย่อมทำความรู้ของตนให้เสื่อม ไม่มีใครหาไปรักษา ลาภผลจะมีมาแต่ไหน เพราะฉะนั้นหมอจึงต้องเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี หมอที่ดีนั้นย่อมประกอบด้วยคุณธรรมเหล่านี้ เป็นต้น คือ
- มีเมตตาจิตแก่คนไข้ ด้วยคนไข้อันความทุกขเวทนา ครอบงำอยู่ในใจตามมากและน้อย แล้วจะมีจิตคิดหวังที่จะเอาหมอเป็นที่พึ่ง หมอไปถึงก็ดีใจอยากจะฟังคำอธิบายของหมอ ที่จะช่วยธุระชี้แจงอาการโรคของตน ถ้าหมอนั้นเป็นผู้มีเมตตาปราณีให้คนไข้เป็นที่ชื่นชมยินดีแล้ว ความสุขโสมนัสก็จะบังเกิดแก่คนไข้ เป็นทางที่จะบรรเทาไข้ใจให้หมดหรือน้อยลงไปได้ และจะเชื่อถ้อยฟังคำของหมอผู้นั้นด้วย เมื่อความวิตกอันเป็นทุกข์ในใจเบาบางลง น้ำเลี้ยงหัวใจก็ผ่องใส โรคที่มีอยู่ในกายก็จะพลันหายได้โดยไม่ช้าวัน คนไข้ที่หายนั้นก็จะเคารพนับถือหมอนั้นต่อไปเป็นอานิสงส์อีกส่วนหนึ่งด้วย ถ้าหมอเป็นคนโหดเหี้ยมไม่มีเมตตาจิตแก่คนไข้ ย่อมไม่เป็นที่นิยมของคนไข้ ความวิตกก็มีอยู่ร่ำไป นับว่าเป็นไข้บังเกิดขึ้นอีกส่วนหนึ่ง เป็นเหตุที่จะพาให้โรคที่มีอยู่ในร่างกายนั้นกำเริบขึ้นได้พอที่จะหายได้เร็วก็เป็นช้าวันไป หรือบางทีก็ไข้จะทรุดหนักลงทำให้ยากแก่การรักษาพยาบาลข้อนี้อาจจะเป็นได้ เพราะฉะนั้นเมตตาจิตจึงเป็นคุณธรรมเกื้อกูลแก่หมอและคนไข้ ควรที่หมอจะตั้งเมตตาจิตไว้ในสันดาน
- ไม่เห็นแก่ลาภ ลาภผลที่จะได้แก่ตนนั้นย่อมเป็นที่ปรารถนา เป็นที่ยินดีด้วยกันก็จริง แต่บุคคลที่มีอัธยาศัยเรียบร้อย หวังตั้งตนให้เป็นที่นับถือแห่งคนทั้งหลายแล้ว ย่อมไม่เพ่งเล็งเอาด้วยอุบาย หรือกดขี่หลอกลวงเลย หมอเมื่อเขาหาไปรักษาไข้ ควรตั้งใจเสียก่อนว่าจะไปรักษาให้หาย เพื่อเอาชื่อเสียง รักษาโดยสุจริต เมื่อผู้นั้นหายไข้แล้วขวัญข้าวค่ายาย่อมมีอยู่เอง ถึงหากว่าตามธรรมดาเคยได้เท่านั้นเท่านี้ ถ้าคนไข้ขัดสนจะให้เท่านั้นไม่ได้หรือไม่มีจะให้เลย ก็ไม่ควรจะเพิกเฉยละเมินเสีย ควรจะช่วยอนุเคราะห์ด้วยเมตตาจิตเป็นที่ตั้ง คุณความดีก็จะมีแก่ตน คนทั้งหลายจะเคารพนับถือลาภผลก็คงจะได้มา ถ้าหมอเป็นคนมีความโลภเห็นแก่ลาภ ไข้พอจะหายได้ในไม่ช้าวัน แกล้งหน่วงเหนี่ยวไว้ให้หายช้า หรือไข้เป็นอย่างที่น่าตกอกตกใจก็บอกไปเสียอย่างหนึ่งเพื่อให้เจ้าไข้ หรือคิดอุบายอยากได้ขวัญข้าวค่ายาค่าป่วยการให้มากด้วยประการใด ๆ เลห์ประการหนึ่งว่าจะทำนาค้าขายบนหลังคนไข้เอามั่งมีเสียทีเดียว ไม่คิดเผื่อแผ่ที่จะให้ความสุขแก่เพื่อนบ้านฐานถิ่น ฉะนั้นแล้วใครเล่าจะเคารพนับถือ เมื่อไม่มีใครนับถือแล้วลาภผลที่เคยได้ในวิชาที่เป็นหมอจะมีมาแต่ไหน มีแต่จะเสื่อมถอยน้อยลงทุกวัน เพราะฉะนั้นหมอจึงควรเป็นคนไม่เห็นแก่ลาภ
- ไม่เป็นคนโอ้อวด ผู้ที่แสดงถ้อยคำโอ้อวดให้เกินกว่าความรู้ของตน เป็นต้นว่ารักษาไข้อะไรหายสักรายหนึ่งก็เอาขึ้นตั้ง ไปที่ไหนก็อวดร่ำไป ความรู้จริงแก่ใจไม่รู้ถึงแต่พูดเกินกว่าความรู้ ไปเจอไข้ที่ตนพูดว่ารู้เข้ารักษาไม่ได้ เขาจะเรียกว่าเป็นหมอขาดภูมิ ย่อมเป็นข้อหมิ่นประมาทของคนทั้งหลาย ต่อไปไม่มีคนเชื่อถือเลยพาให้ความรู้ที่มีอยู่เสื่อมไปด้วย เพราะฉะนั้นในข้อนี้ควรต้องระวัง ถ้าพูดความที่ได้เรียนรู้อาจจะทำได้จริงก็ไม่นับว่าเป็นคนโอ้อวด แต่ถึงดังนั้นต้องพูดได้ในเมื่อถึงคราวที่จะพูด ถ้าเอาไปพูดเสียร่ำไปก็ตกอยู่ในฐานเป็นคนโอ้อวด พาให้เสื่อมเสียความเชื่อถือได้เหมือนกัน ที่จริงความรู้ที่มีอยู่ในตนนั้นไม่จำเป็นต้องโอ้อวดอะไรสุดแต่ถึงคราวที่ต้องใช้ทำให้ปรากฏแก่คนทั้งหลายแล้ว กิตติศัพท์ความเลื่องลือก็ปรากฏขึ้นเอง ย่อมจะเป็นที่เชื่อถือย่ำเกรงของคนทั้งหลายด้วย
- ความไม่ปิดบังความเขลาของตนไว้ เมื่อได้ตรวจดูคนไข้ พิเคราะห์กิริยาอาการตลอดแล้วจะต้องเข้าใจว่าเป็นโรคอะไร เกิดขึ้นเพราะอะไร สามารถที่จะรับรักษาพยาบาลให้หายได้หรือไม่ ตกลงว่าจะรับรักษาให้หายได้จึงรับรักษาพยาบาลตามความรู้ความสามารถของตน ถ้าไปพบปะไข้ที่ตนไม่เคยรักษาหรือความรู้ของตนไม่เพียงพอที่จะรักษาได้ ก็พึงแสดงให้เจ้าไข้เขารู้เสียแต่ต้นมือ เพื่อเขาจะได้ไปหาหมออื่นรักษา ถ้าจะให้ดีตนรู้ว่าใครจะรักษาได้บอกแนะนำให้เขาด้วยจะเป็นที่ยินดีของเจ้าไข้ ถึงหากว่าไข้นั้นจะไม่หายเพราะตนรักษาก็ดี ตนก็ย่อมจะได้ความนิยมนับถือต่อไปว่าเป็นคนไม่ปิดบังความเขลาไว้ ถ้าจะปิดบังความเขลาไว้รักษาไข้ด้วยความที่ไม่เข้าใจ ไข้ก็จะทรุดหนักลงที่สุดจะถึงเป็นอันตรายแก่ชีวิตก็จะเป็นได้ เมื่อเป็นเช่นนี้หมอนั้นจะได้รับความความติเตียนของคนทั้งหลาย แล้วเป็นทางที่จะเสื่อมเสียจากลาภผล
- ไม่ปิดบังความดีของผู้อื่น เมื่อได้ยินได้ฟังเขาสรรเสริญคุณวิชาของผู้อื่น ควรทำอัธยาศัยแช่มชื่นสรรเสริญตาม เมื่อผู้นั้นทราบอัธยาศัยของเราดังนี้ ย่อมมีจิตรักใคร่จะเป็นมิตรกับเราบ้าง คุณธรรมอันนี้ย่อมเป็นทางสืบสนธิในสามัคคีรส ซึ่งนักปราชญ์ทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญว่าเป็นกัลยาณธรรม นำมาซึ่งความสุขแก่ตนจึงเป็นคุณธรรมที่บุคคลควรประพฤติ
- ไม่หวงกันลาภของผู้อื่น เมื่อตนเป็นหมอรักษาไข้ เป็นหวังว่าลาภผลจะได้แก่ตนแต่ลำพังผู้เดียว จะทำการไม่ถนัด ที่ดีควรหาพวกพ้องหรือผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งมีความรู้มาช่วยการนั้นจึงสำเร็จได้ดี เช่น ตนเป็นแค่หมอยา จะต้องหาหมอนวดมาช่วยอีกทางหนึ่ง ฉะนี้ แต่ครั้นจะให้เป็นเช่นนั้นก็กลัวว่าลาภที่ตนจะได้นั้นต้องแบ่งส่วนให้ผู้อื่นไปเสียจะได้น้อย หวงกันไว้ไม่ให้ผู้อื่นเข้ามามีหุ้นส่วนนี้เป็นข้อที่จะทำอันตรายให้แก่คนไข้ หมอไม่ควรคิดเช่นนั้นเลย ถ้าเห็นทางที่จะเฉลี่ยลาภผลให้แก่ผู้ที่มีความรู้ด้วยกันโดยประการใด ก็ควรแสดงความยินดีแผ่เผื่อให้ การที่จะรักษาพยาบาลไข้ ถ้ามีเพื่อนเป็นคู่คิดคู่ปรึกษาช่วยเกื้อหนุนซึ่งกันและกันแล้ว เป็นข้อที่ป้องกันความพลั้งเผลอได้และอาจที่จะรักษาไข้ให้หายเร็วด้วย
- ไม่ลุแก่อำนาจ อคติทั้ง 4 คือ
ฉันทาคติ ความรักใคร่พอใจ
โทสาคติ ความโกรธ
ภยาคติ ความกลัว
โมหาคติ ความหลง
ฉันทาคติ ความรักใคร่พอใจนั้น คือ ทำความรักใคร่ในบุคคลที่ไม่เสมอกัน บางคน
ก็ตั้งใจรักษาพยาบาล บางคนก็เกลียดชัง ไม่รักษาโดยความตั้งใจจะให้โรคหาย
โทสาคติ ความโกรธนั้น คือ ไข้แต่โทสะจิตเป็นเบื้องหนา ไม่มีใจอันดีต่อคนไข้ ทำอะไรก็จะเอาแต่ใจของตน ไม่ผ่อนผันตามอัธยาศัยของคนไข้ ให้มีสติอารมณ์เบิกบานบ้างเลย
ภยาคติ ความกลัวนั้น คือ กลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว เป็นต้นว่ารักษาไข้ กลัวเขาจะไม่ให้ขวัญข้าวค่ายาก็ไม่ตั้งใจรักษา กลัวว่ายาดีที่ทำไว้ ถ้าจะให้คนไข้กินอาจหายได้ แต่กลัวจะหมดเสีย
โมหาคติ ความหลงนั้น คือ หลงเชื่อตนมีความรู้ดี ไม่ต้องทำอัธยาศัยเผื่อแผ่เป็นมิตรไมตรีกับผู้อื่นหรือหลงเชื่อว่ายาของตนดี รักษาไข้หายได้โดยไม่ตรวจอาการไข้ก่อนที่จะวางยา
(อคติ 4 ประการที่กล่าวมานี้ สำหรับหมอไม่เป็นสาธารณะทั่วไป) หมอผู้ใดไม่ลุอำนาจแก่อคติ 4 ประการนี้แล้ว คุณความดีก็จะมีในตน
2.8 ความไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรม คือ ลาภที่จะได้หรือไม่ได้ ไม่มีก็ดี ความนินทา ความสรรเสริญก็ดี มียศศักดิ์ก็ดีหรือปราศจากยศศักดิ์ก็ดี ความทุกข์ ความสุขเหล่านี้มาถึงตน ก็มีอัธยาศัยหนักแน่น มัธยัสถ์เป็นกลาง ไม่ทำความกระวนกระวาย ขวนขวายยินดียินร้าย เดือดร้อนรำคาญ ซึ่งเป็นเหตุจะทำลายคุณความดีของตนและทำจิตใจให้พิกลไปจากความเป็นปกติ เพราะโลกธรรมนี้ย่อมยุยงส่งเสริมบุคคลให้ตกไปในทางที่ชั่วได้ ผู้ที่ไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรมจึงเป็นที่สรรเสริญของผู้ที่มีปัญญา
- มีหิริโอตตัปปะ ละอาย สะดุ้ง กลัวต่อบาป อันเป็นเวรกรรมต่อภพชาติในภายหน้าละเว้นจากวิหิงสา พยาบาท อาฆาต จองเวรต่อบุคคลอื่น มีใจอันชุ่มชื่นไปด้วยความกรุณาเป็นเบื้องหน้า
2.10 ไม่เป็นคนเกียจคร้านและมักง่าย ตั้งใจอุตสาหะทำการรักษาพยาบาลไข้โดยเต็มกำลัง ใช้ปัญญา พินิจพิจารณาโดยถ้วนถี่ ถึงเวลาไปตรวจก็ไปตรวจฟังดูอาการเพื่อได้คิดประกอบรักษา ความรู้ที่มีอยู่แล้วก็เอาใจใส่สอบสวน ให้แจ่มแจ้งเจริญขึ้น สิ่งที่ไม่รู้หมั่นศึกษาค้นคว้า หาความรู้ใส่ตนต่อไปมิได้เพิกเฉยและหมั่นประกอบยาไว้สำหรับรักษาคนไข้ ในตำราให้เอาอะไรกี่อย่างก็อุตส่าห์หามาทำให้ครบกับตำรา ไม่สักแต่ว่าในตำราให้เอา 10 อย่าง ก็เอาแต่ 5-6 อย่าง ทำด้วยความมักง่าย ความจริงเครื่องยานั้นถ้าไม่ประสมให้ครบตามตำราที่ท่านวางลงไว้แล้วก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ และจะลงโทษว่ายาไม่ดีไม่ได้ เพราะฉะนั้นหมอจึงไม่ควรเป็นคนมักง่ายตรวจไข้ก็ต้องตรวจโดยถี่ถ้วนเหมือนกัน ถ้าเป็นแต่มียาไม่ตรวจไข้ให้ต้องกับยาแล้ว ยานั้นก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร ไข้กับยาต้องให้ตรงกัน นี่เป็นข้อสำคัญ
2.11 มีโยนิโสมนสิการ ตริตรองในใจโดยแยบคาย จะตรวจอาการโรคก็ตรวจด้วยพินิจพิเคราะห์เหตุผลโดยรอบคอบ เมื่อจะประกอบยารักษาก็ทำโดยความใคร่ครวญ ใช้องค์วิจารณ์ปัญญาสอดส่องให้แน่นอนแก่ใจทุกสิ่งทุกอย่าง นี้เป็นองค์อันสำคัญสำหรับวิชาแพทย์
2.12 ไม่เป็นคนมีสันดานอันประกอบด้วยความมัวเมา เป็นต้นว่า เสพย์สุรา สูบกัญชา ยาฝิ่น ละเลิงหลงหรือมัวเมาไปในการเล่นเบี้ย เล่นการพนันต่าง ๆ อันเป็นทางที่จะทำตนให้ได้ความเดือดร้อนรำคาญ เพราะความประพฤติอันเป็นข้าศึกกับคุณวิชาของตน เพื่อหลีกเลี่ยงไปพ้นมิให้พัวพัน มีสันดานตั้งหมั่นในทางสุจริต
.. |