มุมสบายๆ โดย รศ.ดร.พรทิพย์ เกยุรานนท์
 

ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อความงาม


อาจารย์กิตติ ลี้สยาม


          ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อความงามอาจจำแนกตามลักษณะการใช้ประโยชน์ จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อการประทินโฉม และผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ

          นอกจาก การใช้สมุนไพรไทยในแง่ของอาหารและยารักษาโรคแล้ว ยังมีการนำสมุนไพรที่เคยใช้บำบัดโรคหลายชนิดมาใช้ประโยชน์ร่วมกันในด้านอื่น ได้แก่ กานพลู มีสรรพคุณลดอาการปวดท้อง  เปปเปอร์มินท์และสะระแหน่ มีสรรพคุณแก้อาการเมาค้าง กลิ่นมะลิ มีสรรพคุณช่วยลดอาการเศร้าหมองในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ไม้จันทน์มีสรรพคุณสร้างสมาธิช่วยผ่อนคลาย ถ้านำไปผสมกับมะลิแล้วจะเป็นการกระตุ้นเสน่ห์ กุหลาบมีสรรพคุณสมานผิว หรือมะนาวมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ ทำให้สมานผิวและผ่อนคลาย สมุนไพรไทยนอกจากให้กลิ่นหอมแล้ว ยังมีประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณ เป็นต้น

          สมุนไพรไทยยังมีสรรพคุณด้านคันธบำบัดหรืออโรมาเทอราปี หมายถึง การใช้กลิ่นหอมบำบัดโรค เช่น  โรคปวดท้อง อาการวิตกกังวลนอนไม่หลับ คลายเครียด ผ่อนคลายความอ่อนล้า ปวดเมื่อย กล้ามเนื้อตึง เส้นตึง  มีผลกระตุ้นการทำงานของสรีระร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดความสมดุลและสดชื่นรื่นรมย์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากในสปา

 

ภาพที่ 1 ตัวอย่างผลิตภัณฑ์สมุนไพร

 

ความหมายและคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องทั่วไป

          ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่องามถือว่าเป็นประเภทหนึ่งของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง นอกเหนือไปจากอาหารและยา ซึ่งเมื่อนำมาใช้กับส่วนต่างๆ ของร่างกายแล้วต้องมีความปลอดภัย และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ  ในอดีตการผลิตเครื่องสำอางในประเทศไทยมีทั้งโรงงานเล็กที่เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน โรงงานขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้เข้มงวดเรื่องมาตรฐานในการผลิตมากนัก เมื่อปี พ.ศ. 2535 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศไทย ให้สามารถผลิตเครื่องสำอางที่มีคุณภาพดีเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออก การผลิตเครื่องสำอางทุกระดับต้องได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐานที่ดี

ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง  ตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2535 หมายถึง
          1. วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับการทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อม หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใดต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย เพื่อความสะอาด ความสวยงาม หรือส่งเสริมให้เกิดความสวยงามและรวมตลอดทั้งเครื่องประเทินผิวต่างๆ ด้วย แต่ไม่รวมถึงเครื่องประดับแต่งตัว ซึ่งเป็นอุปกรณ์ภายนอกร่างกาย
          2. วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางโดยเฉพาะหรือ
          3. วัตถุอื่นที่กำหนดโดยกฎกระทรวงให้เป็นเครื่องสำอาง 

ดังนั้น ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อความงาม อาจจำแนกตามประเภทความปลอดภัยและการวิเคราะห์ความเสี่ยงเป็นชนิดเครื่องสำอางทั่วไป ได้แก่ เครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของสารควบคุมพิเศษ หรือสารควบคุมและไม่มีส่วนผสมของวัตถุที่ห้ามใช้ ดังนั้น เครื่องสำอางที่ดีต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

    1. ต้องมีกลิ่นหอม ชวนดม ซึ่งผู้บริโภคต้องขอดมกลิ่นก่อนตัดสินใจซื้อ
    2. มีลักษณะสวยงาม การบรรจุหีบห่อมีความสวยงาม ประณีตบรรจง ต้องให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ ทำให้ดู น่าใช้ และเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้
    3. มีรูปแบบที่พกพาสะดวก และวิธีการใช้ที่ง่าย
    4. มีความคงตัวดีทั้งทางกายภาพ เคมี และชีวภาพ

ครีมขัดผิวหน้า

ส่วนประกอบ

1.   รำข้าว                    3                      ช้อนโต๊ะ
2.   โยเกิร์ตนมสด        4                      ช้อนโต๊ะ
3.   เกลือแกง               2                      ช้อนชา
4.   เปลือกมะนาว        1                      ซีก

 

วิธีการ

  1. ตวงโยเกิร์ตใส่ถ้วยเล็กๆ ให้ได้ปริมาณตามต้องการ
  2. ใส่เกลือแกงลงไป จากนั้นคนให้เกลือแกงละลาย ใส่รำข้าวตามลงไปผสม คนให้เข้ากัน แล้วคนอีกครั้งจนเป็นเนื้อเดียวกันกับโยเกิร์ต 
  3. นำครีมที่ได้ใส่ในภาชนะ แล้วเก็บแช่เย็น เพื่อเมื่อนำไปใช้เสร็จแล้ว สามารถนำออกมาใช้ได้อีกคราวต่อ ๆ ไป

วิธีใช้
          ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น เช็ดให้แห้ง จากนั้นใช้ปลายนิ้วนางและนิ้วกลางแตะครีมมาพอกให้ทั่วใบหน้า  ยกเว้น รอบดวงตาและริมฝีปาก จากนั้นนวดคลึงเบาๆ ไล่ลงมาจากหน้าผากถึงลำคอ  ประมาณ 5 นาที ให้ปล่อยพักไว้ประมาณ 15-20 นาที  ครบตามเวลาให้นำเปลือกมะนาวมาถูเบาๆ ให้ทั่วบริเวณที่พอกไว้อีก 2-3 นาที จากนั้นล้างเอาครีมออกให้หมดด้วนน้ำอุ่นตามด้วยน้ำเย็น และเช็ดหน้าให้แห้ง

ประโยชน์
          ช่วยขจัดริ้วรอยจุดด่างดำบนใบหน้า ทำให้ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาขึ้น

คำแนะนำ
          สูตรนี้ผู้ที่มีสภาพผิวมันสามารถใช้เป็นประจำ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ไม่เหมาะกับสภาพผิวแห้ง บอบบาง หรือแพ้ง่าย ถ้าต้องการใช้ควรลดขั้นตอนการขัดผิวด้วยมะนาวออก และลดปริมาณโยเกิร์ตและนมสดตามสัดส่วนให้พอเหมาะกับสภาพผิวนั้นๆ

ครีมว่านหางจระเข้

ส่วนประกอบ

1.   ว่านหางจระเข้       1                      ก้าน
2.   ไข่แดง                   1                      ฟอง
3.   น้ำมันมะกอก        2                      ช้อนชา

วิธีการ

  1. ตัดว่านหางจระเข้แช่น้ำ ปอกเปลือกล้างให้หมดยาง แล้วนำไปปั่นให้ละเอียด
  2. นำวุ้นที่ได้มาตีรวมกันกับไข่แดงและน้ำมันมะกอกผสมคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน
  3. ใส่ภาชนะเก็บแช่เย็นเมื่อใช้เสร็จสามารถนำออกมาใช้ได้อีกคราวต่อๆ ไป

วิธีใช้
          ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น เช็ดให้แห้ง นำเจลที่ได้พอกให้ทั่วใบหน้า  ยกเว้น รอบดวงตาและริมฝีปาก ให้ปล่อยพักไว้ประมาณ 15-20 นาที  จากนั้นล้างเอาครีมออกให้หมดด้วยน้ำอุ่นตามด้วยน้ำเย็น และเช็ดหน้าให้แห้ง

ประโยชน์
          บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นนุ่มนวล ลบเลือนจุดด่างดำ รักษาสิว และลอกฝ้า

คำแนะนำ
          สูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีสภาพแห้ง ควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3-4  ครั้ง

สูตรเครื่องหอมไทย :

แป้งร่ำ

ส่วนประกอบ

1.   น้ำอบไทยประมาณ                       1/4                   ถ้วยตวง
2.   น้ำดอกไม้สด                                 1/4                   ถ้วยตวง
3.   แป้งหินประมาณ                           2                      ถ้วยตวง
4.   พิมเสน                                          2                      ช้อนชา
5.   ผิวมะกรูดขูดฝอย                          1-2                   ช้อนชา
6.   น้ำมันลำเจียก                                1/2                   ช้อนชา
7.   น้ำมันไฮซิน                                   1/2                   ช้อนชา
8.   น้ำมันจันทน์                                  1/2                   ช้อนชา
9.   น้ำมันชะมด                                   1/2                   ช้อนชา
10.   หญ้าฝรั่น                                     1-2                   ช้อนชา
11.   กำยาน                                         1/4                   ถ้วยตวง
12.   น้ำตาลทรายแดง                          1/4                   ถ้วยตวง

อุปกรณ์
โถ โกร่ง ใบตอง ผ้าขาวบาง เทียนอบ มีด ไม้กลัด ทวน ตะคันจำนวน 2 ตัว (สำหรับเผาสลับกัน)

วิธีการ

  1. การเตรียมแป้งหิน             นำแป้งหินออกผึ่งแดด จากนั้นเก็บไว้ในโถ
  2. การร่ำ
    1. นำกำยานป่นเคล้ากับน้ำตาลและผิวมะกรูด
    2. ทำความสะอาดทวนด้วยผ้าชุบน้ำๆ ผึ่งให้แห้ง วางลงในโถแป้ง
    3. จุดเตาเผาจนได้ถ่านแดงทั่วทั้งก้อน นำตะคันเผาไฟจนร้อน ตักเนื้อกำยานที่ผสมแล้วในข้อ 1 ประมาณ 1 ช้อนชา โรยบนตะคัน ปิดฝาโถให้สนิท รอจนควันจาง นำตะคันที่เผาอีกตัวทำวิธีการเดียวกัน (ทำซ้ำ 8-9 ครั้ง) แล้วปิดฝาโถให้สนิททิ้งไว้ 1 คืน
  3. การอบเทียน นำเทียนอบวางลงบนแผ่นตะคัน จุดไฟให้ลุกช่วง จากนั้นดับไฟ ปิดฝาให้สนิท เพื่อให้ควันเทียนอบแป้ง รอจนควันจาง ให้เริ่มจุดไฟอีกครั้ง (ทำซ้ำประมาณ 3 ครั้ง)
  4. การปรุงแป้งร่ำ
    1. บดพิมเสน หญ้าฝรั่นด้วยโกร่งผสมจนละเอียด เก็บพักไว้
    2. นำแป้งที่อบไว้ลงโกร่งเหยาะน้ำดอกไม้สด และหัวน้ำมันหอมต่างๆ และน้ำมันชะมด ผสมให้รวมเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นให้นำไปผสมกับพิมเสนในข้อที่ 1 นำใบตองมาพับเป็นกรวย
    3. ตักเนื้อแป้งใส่กรวย หยดลงบนผ้าขาวให้เม็ดสูงๆ เป็นยอดแหลม ผึ่งลมให้แห้ง จากนั้นให้นำไปเก็บไว้ในโหลหรือโถ ถ้าจะให้หอมทนนาน ควรนำแป้งไปอบและร่ำตามวิธีการขั้นต้นอีกครั้ง

4.4 ใช้สำลีชุบน้ำมันหอมที่ชอบวางในโถ จะได้แป้งร่ำหอมทน แป้งร่ำจะเป็นชนิดเม็ดหรือผงก็ได้เช่นกัน

ประโยชน์
          ใช้ปรุงน้ำอบไทยทาตัว เจิมพิธีศิริมงคลต่าง ๆ  เช่น ขึ้นบ้านใหม่  เจิมคู่บ่าวสาว เป็นต้น

น้ำอบไทย

ส่วนประกอบ

1.   ใบเตยหอมหั่นเป็นท่อน                 3                      ถ้วยตวง
2.   กำยาน                                           1/2                   ถ้วยตวง
3.   เถาชะลูด                                       1                      มัด
4.  น้ำตาลทรายขาว                             1/4                   ถ้วยตวง
5.  ขี้ผึ้งแข็งขูดละเอียด                        1                      ช้อนโต๊ะ
6.   พิมเสนอย่างดี                                1/4                   ถ้วยตวง
7.   ผิวมะกรูดขูดฝอย                          1                      ช้อนโต๊ะ
8.   น้ำมันชะมด                                   1                      ช้อนชา
9.   แก่นจันทน์เทศบดหยาบ ๆ             1/2                   ถ้วยตวง
10.   แป้งร่ำ

อุปกรณ์
โถหรือขวดโหล เทียนอบ โกร่ง ทวน  ตะคันจำนวน 2 ตัว ผ้าสำรับปิดโถ

วิธีการ
          ขั้นตอนที่ 1 ต้มน้ำและลอยน้ำดอกไม้
นำหม้อน้ำตั้งไฟให้เดือด ล้างใบเตยหอม ตัดเป็นท่อนๆ ใส่ลงในหม้อ ใส่ดอกกระดังงาลงในหม้อประมาณ 10 ดอก ต้มไปพอเป็นสีนวล ยกลงเอาใบเตยและผงตะกอนออกให้หมด พักไว้ให้เย็นรินใส่โถ (ควรจัดสถานที่ที่ไม่มีการเคลื่อนย้ายโถอบน้ำดอกไม้ จะทำให้ดอกไม้ช้ำมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว)
ทั้งนี้ การเตรียมดอกไม้เพื่อลอยน้ำ ควรเตรียมดังนี้

    1. มะลิ นำดอกมะลิขณะแย้มใส่ในโถลอยเรียงเป็นดอกๆ เอาไว้
    2. กระดังงา จับตรงปลายกลีบลนควันเทียนตรงกะเปาะพอหอม
    3. ลำเจียก ฉีกฝอย
    4. ดอกไม้อื่นๆ มีกลีบบางให้ใส่ถ้วย หรือจานเล็ก ลอยตอนกลางคืนรุ่งเช้าให้รีบยกขึ้น

          ขั้นตอนที่ 2 การร่ำกำยาน

    1. ในตอนเช้านำดอกไม้ออกจากโถ รินน้ำอบใส่โถประมาณ 2 ถ้วยตวง
    2. กำยานบดในโกร่งให้ละเอียด โดยผสมกำยาน น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง ขี้ผึ้ง ผิวมะกรูด เคล้าให้เข้ากันพักไว้
    3. ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดเช็ดทำความสะอาดทวน นำทวนวางลงในโถอบน้ำดอกไม้
    4. เผาตะคันให้ร้อนจัด (อย่าให้แดงเพราะเครื่องอบกำยานจะไหม้ก่อนให้ควันหอม) วางบนทวน ตักผงกำยานที่ผสมในข้อ 2 ประมาณ 1 ช้อนชา โรยบนตะคัน ปิดฝาให้สนิท ใช้ผ้าขาวบางปิดทับเพื่อไม่ให้ควันออกมาประมาณ 15-20 นาทีก็ใช้ได้ รินใส่โถ พลบค่ำลอยน้ำดอกไม้อีก เปิดออกและร่ำกำยานอีกครั้ง (ทำซ้ำประมาณ 5-6 ครั้ง ) พอมีกลิ่นหอมและสีเหลืองอ่อน

          ขั้นตอนที่ 3 การปรุงใส่น้ำมันหอม

    1. ในตอนเช้านำดอกไม้ขึ้นวางทวนในโถ ทานควันเทียนอบประมาณ 2-3 ครั้ง (การอบเทียนพอหมดควัน 2-3 ครั้ง) แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
    2. บดพิมเสนให้ละเอียด ผสมน้ำมันชะมดลงไปพร้อมแป้งร่ำ หยดน้ำมันหอมทุกครั้ง ครั้งละประมาณ 1 หยดเล็กๆ คนให้เข้ากันดี แล้วตักใส่น้ำอบที่ละน้อยคนให้ละลาย ใส่ลงในขวด ลองทาดู ถ้ากลิ่นน้ำมันหอมและพิมเสนอ่อนเกินไป สามารถเพิ่มเติมได้ตามความชอบ (เวลาเติมต้องใช้น้ำมันบดกับแป้งร่ำให้เข้ากันก่อน ห้ามหยดเฉพาะน้ำมันหอมระเหย จะทำให้น้ำมันลอยตัว)

…………………………

บรรณานุกรม

กระทรวงสาธารณสุข กรมการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. (2547). คู่มือในการดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์แผนไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. (2545). คู่มือผลิตภัณฑ์ยาจากสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจชุมชน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
นวลปราง ฉ่องใจ. (2537). สวยด้วยสมุนไพร.  กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์กำแก้ว.
นวลพรรณ พงศ์วุฒิ. (มมป.).พืชสมุนไพรกับการปรุงเครื่องหอมไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์พิมพ์ทอง. 
นันทวัน กลิ่นจำปา. (2545). เครื่องหอม ภูมิปัญญาไทย. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น.
ฤดี เสาวคนธ์. (2548). “หลักเกณฑ์ที่ดีในการผลิตเครื่องสำอาง”. ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลผิวพรรณ.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์กรุงเทพเวชสาร.

 

………………………………….