จารึก
เป็นประโยชน์มากในทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี เพราะใช้บันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นใกล้เคียงกับเวลาที่เกิด
เหตุการณ์นั้นๆ และไม่มีความผิดพลาดเนื่องจากการคัดลอกคลาดเคลื่อน
นักประวัติศาสตร์จึงถือจารึกเป็นเอกสารชั้นหนึ่ง
ซึ่งน่าเชื่อถือกว่าเอกสารที่เขียนขึ้นภายหลังเหตุการณ์เป็นเวลานานๆ
จารึกรุ่นแรกๆ ในประเทศไทยใช้รูปอักษรปัลลวะซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศอินเดียกลุ่มจารึกที่ใช้อักษรปัลลวะปรากฏแล้ว
ในเกือบทุกภาคของประเทศไทย จารึกที่เก่าที่สุดในประเทศไทย คือจารึกเขาน้อยสีชมพู
พบที่ปราจีนบุรี เป็นจารึกอักษรปัลลวะ
ภาษาสันสกฤต และเขมร ใน พ.ศ.1180
จารึกสุโขทัยหลักแรกที่พลคือ จารึกหลักที่
1 ศิลาจารึกพ่อขุนราคำแหง (พ.ศ.1835) จารึกสุโขทัยที่อ่านแล้วเป็นจำนวน
64 หลัก ในจำนวนจารึกดังกล่าว เป็นจารึกบนศิลา 42 หลัก แผ่นทอง
2 แผ่น แผ่นเงิน 1 แผ่น แผ่นดีบุก 1 แผ่น บนฐาน
พระพุทธรูป 15 ฐาน ฐานพระอิศวร 1 แผ่น ฐานรอยพระพุทธบาท
2 รอย นอกจากนี้ยังมีศิลาจารึกภาพชาดกวัดศรีชุมอีก
48 เรื่อง
จารึกสุโขทัยทั้งหมด รวมพิมพ์อยู่ใน จารึกสมัยสุโขทัย
และประชุมศิลาจารึกภาคที่ 7
อักษรที่ใช้บันทึกจารึกสุโขทัยคืออักษรไทยสุโขทัย
อักษรขอมสุโขทัย และอักษรธรรมล้านนา ศักราชที่ใช้คือ มหาศักราช
จุลศักราช และพุทธศักราช นอกจากนี้ยังกล่าวถึงอสิฏฐสัญญา คือ มรณสัญญา
ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสิ้นกลียุค คือกลียุคศักราช
432,000 ไว้ในจารึกหลักที่ 7 ศิลาจารึกวัดป่ามะม่วง ภาษาไทย และเรื่องของอายุมนุษย์ซึ่งจะลดจาก
100 ปี ลบเหลือ 99 ปี
ในกลียุค 4320 (พ.ศ.1762) หรือเมื่อกลียุคผ่านไปหนึ่งในร้อยของยุค แต่มิได้เอ่ยถึงคำ
กลียุคศักราช ไว้
มณเฑียร ผาทอง ได้ศึกษาจารึกสุโขทัยและจำแนกประเภทศิลาจารึกไว้เป็น
5 ประเภท คือ
1. จารึกสรรเสริญกษัตริย์หรือราชวงศ์และแสดงกิจกรรมทางศาสนา
จารึกประเภทนี้มีเนื้อความบรรยาย
วีรกรรมของกษัตริย์หรือราชวงศ์ มักแสดงความสามารถอันเด่นงาม แสดงความปรีชาในการสงคราม
ตลอดจนวัตรปฏิบัติ
ที่ดีงาม และมักจะมีข้อความแสดงกิจกรรมทางศาสนาของกษัตริย์หรือราชวงศ์
2. จารึกแสดงกิจกรรมทางศาสนา จารึกประเภทนี้มุ่งแสดงกิจกรรมทางศาสนาของบุคคลเป็นสำคัญ
เช่น การออก
บวชถวายปัจจัย ถวายคนรับใช้วัดและพระ สร้างเจดีย์ อาจมีพระนามอดีตพระพุทธเจ้า
และชื่อสวรรค์ชั้นต่างๆ
3. จารึกคำสัตย์ประติชญา จารึกประเภทนี้บันทึกข้อความที่จะร่วมช่วยเหลือกันและกันของบุคคลสองฝ่าย
โดยอ้าง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน ถ้าผู้ใดปฏิบัติตามสัญญา ขอให้ได้รับความสุข ถ้าผู้ใดผิดสัญญาให้พบความหายนะ
4. จารึกกฎหมายลักษณะโจร คือ ศิลาจารึกหลักที่
38 บันทึกกฎหมายที่ตราขึ้นเมื่อ พ.ศ.1940 นับว่าเป็นกฎหมาย
ไทยฉบับเก่าที่สุดที่เหลือมาถึงปัจจุบัน โดยมิได้มีผู้แก้ไขให้สำนวนผิดไปจากสำนวนดั้งเดิม
5. จารึกปกิณกะ ได้แก่
5.1 จารึกแสดงธรรมหรือคาถา
เป็นจารึกที่แสดงถึงคำสอนพระพุทธเจ้าหรืออาจเป็นเวทมนต์ที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์
5.1.1
จารึกประวัติการทำสังคายนาและรายนามพระสงฆ์ คือ จารึกหลักที่ 289 กล่าวถึงประวัติการสังคายนา
และรายนามพระสงฆ์ จารึกหลักนี้อาจเป็นเรื่องการบวชใหม่เพราะมีคณะภิกษุสงฆ์นำศาสนาพุทธลัทธิใหม่เข้ามา
จึงต้องบวชกันใหม่ก็เป็นได้
5.1.2
จารึกคาถาป้องกันอสนีบาต
5.1.3
จารึกพระอภิธรรม
5.2 จารึกบรรยายภาพชาดก
คือ จารึกภาพชาดกวัดศรีชุม เป็นภาพจำหลักลายเส้นบนแผ่นศิลาเล่าเรื่องในชาดก
ศิลาขนาดไม่เท่ากัน บางแผ่นจำหลักได้ 4-5 เรื่อง บางแผ่นก็จำหลักเพียงเรื่องเดียว
ปัจจุบันเหลือเพียง 40 แผ่น จำหลักชาดก
48 เรื่อง เดิมเข้าใจกันว่า จะปักภาพชาดกเหล่านี้ไว้รอบๆ พระมหาธาตุ เมืองสุโขทัยก่อนรัชสมัยพระมหาธรรมราชาลิไทย
ภายหลังจึงนำมาประดับอยู่ที่เพดานภายในอุโมงค์วัดศรีชุม
แต่จากรูปร่างตัวอักษรและอักขรวิธี อาจพิสูจน์ได้ว่าชาดกนี้
จำหลักขึ้นไม่ก่อน พ.ศ.1935 และแผ่นศิลาที่ตรงทางแยก
จำหลักชาดกไว้ในแผ่นเดียวกันหลายเรื่อง เมื่อนำมาตั้งดู
บางเรื่องจะหันหัวไปตามแนวตั้ง ในบางเรื่องจะหันหัวไปตามแนวนอน แสดงว่าแผ่นศิลานี้จะต้องสร้างขึ้นเพื่อติดไว้ที่เพดา
นอุโมงค์วัดศรีชุมมาแต่เดิม เพราะถ้านำไปตั้งไว้ที่วัดมหาธาตุ ให้ภาพในชาดกตั้งหัวขึ้น
จะมีชาดกบางเรื่องมีภาพคนยืน
แต่ลำตัวขนานไปกับพื้นดิน
จารึกสุโขทัยจึงเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี
ที่ทำให้ทราบเรื่องราวของอาณาจักรสุโขทัย
ได้ชัดเจน ซึ่งนับได้ว่ามีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อชาติไทย
<
back >
|