มุมสุขภาพ
 

ลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต


โดย อาจารย์ ดร.ช่อทิพย์ บรมธนรัตน

           โรคความดันโลหิตสูงหมายถึงความดันโลหิตช่วงบนมีค่าตั้งแต่ 140 มม.ปรอทขึ้นไป หรือความดันโลหิตช่วงล่าง มีค่าตั้งแต่ 90 มม.ปรอท ขึ้นไป  ซึ่งโรคความดันโลหิตสูง พบได้ประมาณ ร้อยละ 10 ของคนทั่วไป ส่วนมากจะเริ่มเป็นในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40  ปีขึ้นไป
การแบ่งระดับความรุนแรงของโรคความดันโลหิตสูง
ปัจจุบันได้มีการกำหนดค่าความดันโลหิตปกติและระดับความดันโลหิตที่มีความรุนแรงของโรคความดันโลหิตสูงสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป ดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 การแบ่งระดับความรุนแรงของโรคความดันโลหิตสูงในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป


ระดับความดันโลหิต

Systolic Blood Pressure; SBP  (mmHg)

Diastolic Blood Pressure; DBP (mmHg)

ความดันที่เหมาะสม(Optimal)

< 120

< 80

ความดันปกติ(Normal)

< 130

80-84

ความดันเริ่มสูงกว่าปกติ (High normal)

130-139

85-89

ความดันโลหิตสูงระดับที่ 1   (Mild hypertension)

140-159

90-99

ความดันโลหิตสูงระดับที่ 2                           (Moderate hypertension)

160-179

100-109

ความดันโลหิตสูงระดับที่ 3                                  (Severe hypertension)

≥ 180

≥ 110

ความดันสูงเฉพาะค่าช่วงบน
(Isolated systolic hypertension)

≥ 140

≤ 90

สาเหตุของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
           1. ส่วนใหญ่ ประมาณร้อยละ 95 จะไม่พบโรคหรือภาวะผิดปกติ หรือสิ่งที่เป็นต้นเหตุของโรคความดันโลหิตสูง เรียกว่า  ความดันโลหิตสูงชนิดปฐมภูมิ (Primary hypertension)  หรือความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ (Essential hypertension)      แต่อย่างไรก็ตาม มักพบว่าปัจจัยทางกรรมพันธุ์อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรค  กล่าวคือ  ผู้ที่มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคนี้ จะมีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงมากกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติดังกล่าวประมาณ 3 เท่า    นอกจกนี้ อายุมาก  ความอ้วน  การกินอาหารเค็มจัด หรือมีเกลือโซเดียมสูง และการดื่มแอลกอฮอล์จัดก็อาจเป็นปัจจัยเสริมของการเกิดโรคนี้   ผู้ป่วยในกลุ่มนี้ จะเริ่มเป็นโรคความดันโลหิตสูง เทื่ออายุประมาณ 25-55 ปี  พบมากในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป และยิ่งอายุมากขึ้นก็มีโอกาสพบได้มากขึ้น
           2. ส่วนน้อย ประมาณ ร้อยละ 5  อาจตรวจพบโรคหรือภาวะผิดปกติ หรือสิ่งที่เป็นต้นเหตุของโรคความดันโลหิตสูง เรียกว่า  ความดันโลหิตสูงชนิดทุติยภูมิ (Secondary hypertension)  หรือความดันโลหิตสูงชนิดมีสาเหตุ  ได้แก่  ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ   ผลข้างเคียงจากยา เช่น  ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาเม็ดคุมกำเนิด/เอโทรเจน  โรคไต (เช่น ไตวายเรื้อรัง  หน่วยไตอักเสบ  กรวยไตอักเสบเรื้อรัง โรคถึงน้ำไตชนิดหลายถุง) หลอดเลือดแดงไตตีบ (Renal artery stenosis) หลอดเลือดแดงใหญ่ตีบ (Coarctation of aorta)  เนื้องอกต่อมหมวกไต (Phecromocytoma)โรคคุชชิง/การใช้สเตียรอยด์ติดต่อกันนานๆ โรคของต่อมไทรอยด์/พาราไทยรอยด์ ภาวะแอลโดเตอโรนสูงชนิดปฐมภูมิ (Primary aldosteronism)

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูง
            ต้องทำในผู้ป่วยทุกรายที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและช่วยลดความดันโลหิตได้บ้าง (ดังตารางที่ 1) ทำให้สามารถลดปริมาณการใช้ยาลดความดันโลหิตสูง

ตารางที่ 1  การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง


วิธีการ

ข้อแนะนำ

ประสิทธิภาพของการลด SBP

1.การลดน้ำหนัก

ให้ดัชนีมวลกาย (Basa metablic Index; BMI) = 18.5-24.9กก./ตร.ม.

5-20 มม.ปรอทต่อการลดน้ำหนักตัว 10 กก.

2.ใช้ DASH diet (Dietary Approach to Stop Hypertension)

ให้รับประทานผัก  ผลไม้ที่ไม่หวานจัดให้มาก  ลดปริมาณไขมันในอาหาร โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว

8-14 มม.ปรอท

3.จำกัดเกลือในอาหาร

ให้ลดการรับประทานเกลือโซเดียม ต้องน้อยกว่า 100 mmol ต่อวัน
(2.4 กรัมโซเดียมหรือ 6 กรัมของ NaCl 1 ช้อนชา หรือน้ำปลา/ซีอิ้ว ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ)

2-8 มม.ปรอท

4.การออกกำลังกาย

ควรออกกำลังกายชนิดแอโรบิคอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดินเร็ว ๆ
อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน และเกือบทุกวัน 

4-9 มม.ปรอท

5.งดหรือลดการดื่มแอลกอฮอล์

กรณีที่งดหรือลดไม่ได้ให้จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกิน 2 drinks/วันในผู้ชาย (ethanol 30 กรัม/วัน เช่น เบียร์ 720 มล. ไวน์ 300 มล. วิสกี้ที่ยังไม่ผสม 90 มล.) ไม่เกิน 1drink/วันในผู้หญิงและคนน้ำหนักน้อย

2-4 มม.ปรอท

แนวทางการลดน้ำหนักเพื่อป้องกันและควบคุมความดันโลหิตสูง
           1. คนที่น้ำหนักเกินควรลดน้ำหนัก  โดยการควบคุมดัชนีมวลกาย (BMI) ให้อยู่ในเกณฑ์ที่
เหมาะสม คือ 18.5-24.9 กก./ตร.ม. หรืออย่างน้อยควรลดให้ได้ ร้อยละ 5-10 ของน้ำหนักตัวที่เป็นอยู่ ในการนี้จะสามารถลด SBP  และ DBP ลงได้ 5-10 มม.ปรอท ต่อ 10 กก. โดยประมาณ
ความดันโลหิตสูงมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับน้ำหนักเกิน/อ้วน    การควบคุมความดันโลหิต
สูง  พบว่า ร้อยละ 50 ของผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะมีภาวะความดันโลหิตสูงถึงร้อยละ 20-30
           2. การลดน้ำหนักเป็นการบำบัดรักษาโรคความดันโลหิตสูงโดยไม่ต้องใช้ยา จะเพิ่มประสิทธิภาพของการควบคุมความดันโลหิตและลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ

หลักการในการกำหนดอาหารในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง       
           1. ได้รับพลังงานและกระจายสารอาหารที่เหมาะสม เพื่อรักษาระดับความดันโลหิต ลดความเสี่ยงการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ
           2. จำกัดปริมาณโซเดียม  จะช่วยลดความดันโลหิตสูงและลดการใช้ยา การลดปริมาณโซเดียมในอาหาร  ควรลดโซเดียมให้เหลือไม่เกิน 100 มก./วัน คือ 2.4  กรัมของโซเดียม หรือ 6 กรัมของโซเดียมคลอไรด์ (เกลือแกง 1 ช้อนชา)  จะสามารถลด Systolic blood pressure (SBP)ลงได้ 2-8 มม.ปรอท
           3. การเพิ่มปริมาณกากใยอาหาร ให้มีปริมาณและมีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น  โดยแนะนำให้บริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยพืช/ผัก/ผลไม้  ลดปริมาณไขมันจากสัตว์  ลดปริมาณไขมันอิ่มตัวจะทำให้สามารถลด SBP 8-14 มม.ปรอท
           4. การกำหนดสัดส่วนอาหาร  พลังงานที่ควรได้รับต่อวัน รวมทั้งการพิจารณาอุปนิสัยการบริโภค เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดอาหารแต่ละชนิดและปรับแก้ไขการบริโภคที่ไม่ถูกต้องเพื่อให้เกิดการสมดุล  โดยปริมาณหรือจำนวนของสารอาหารแต่ละชนิดที่ผู้ป่วยควรได้รับต่อวันและต่อมื้อ 


------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง


ภารดี เต็มเจริญ. “การประเมินภาวะโภชนาการ” เอกสารประกอบคำบรรยาย            โครงการ บุคลากร      มสธ.หนุ่มสาว     กว่าวัยหัวใจดี. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 2553.
มันทนา  ประทีปะเสน. “กินอยู่อย่างไร ห่างไกลโรคหัวใจ(และหลอดเลือด)”. เอกสารประกอบคำ   บรรยายโครงการบุคลากรมสธ.หนุ่มสาวกว่าวัย หัวใจดี. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช      2553.
เรวดี  จงสุวัฒน์. “กินต้านโรค-เสริมสุขภาพ”.เอกสารประกอบคำบรรยาย     โครงการบุคลากร       มสธ.หนุ่มสาว กว่าวัยหัวใจดี. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 2553.
สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ กรมการแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข. แนวทาง            เวชปฏิบัติการดูแลรักษาภาวะความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป. สืบค้นคืนวันที่ 20            พฤษภาคม 2556 จากเว็บไซต์  www.dms.moph.go.th/imrta/images/..../ht_ebook.pdf
สถาบันเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ กรมการแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลโภชน          บำบัด  ในโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และภาวะไขมันในเลือดผิดปกติสำหรับ           ผู้สูงอายุ. พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพมหานคร: ชุมชุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด             2549
สมาคมโรคความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทยและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. แนว    ทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป พ.ศ. 2551.   พิมพ์ครั้งที่ 1        กรุงเทพมหานคร: บริษัทสไตล์ครีเอทีฟเฮาส์จำกัด 2552.
สุรเกียรติ  อาชานานุภาพ.   ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 1:  แนวทางการตรวจรักษาโรคและการ ใช้ยา    พิมพ์ครั้งที่ 5          (ฉบับปรับปรุง) กรุงเทพฯ: โฮลิสติก พับลิชชิ่ง 2553