การประเมินเสริมพลัง (Empowerment Evaluation)
โดยอาจารย์ ดร.บัญชา พร้อมดิษฐ์
โดยทั่วไปแล้ว การดำเนินงานด้านสาธารณสุขให้บรรลุผลสำเร็จนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานก่อน แล้วจึงกำหนดแผนงานหรือโครงการ และมีการประเมินผลเพื่อตรวจสอบว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้บรรลุผลหรือไม่ ถ้ายังไม่บรรลุผลหรือต้องการพัฒนาให้ดีขึ้น จะต้องมีการปรับปรุงการดำเนินงานที่ต่อเนื่องในโอกาสต่อ ๆ ไป
บทความนี้จะเกี่ยวข้องกับการประเมินผล โดยเสนอมุมมองในอีกลักษณะหนึ่ง ที่เป็นทางเลือกที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนางานด้านสาธารณสุขได้ตั้งแต่ระดับนโยบาย แผนงาน และโครงการ โดยเฉพาะในระดับโครงการที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้บุคคล หรือผู้เกี่ยวข้องในโครงการได้มีส่วนร่วม มีการพัฒนาตนเอง และปรับปรุงการดำเนินงานในโครงการของตนเองให้ต่อเนื่อง โดยจะเรียกการประเมินลักษณะนี้ว่า “การประเมินเสริมพลัง”
การประเมินเสริมพลัง ถูกคิดค้นโดย Dr.David Fetterman จากมหาวิทยาลัย Stanford University ในสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ.1993 ซึ่งใช้ทฤษฎีการสร้างพลัง (Empowerment Theory) เป็นแนวคิดในการพัฒนา โดยจะเน้นไปที่กระบวนการที่ส่งเสริมให้บุคคล และผู้เกี่ยวข้องร่วมมือกันระบุปัญหา วิเคราะห์ปัญหา ค้นหาสาเหตุ มองภาพอนาคต และการดำเนินการให้บรรลุถึงภาพอนาคต โดยใช้หลักของประชาธิปไตยในทุกขั้นตอน ซึ่งในกระบวนการนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนจะต้องเข้าใจในงานของตนเอง มีความซื่อสัตย์ และความจริงใจที่จะแลกเปลี่ยนความจริงที่เกิดขึ้นกับบุคคลอื่น เพื่อที่บุคคลอื่นจะสามารถเข้าใจในเหตุการณ์ และแลกเปลี่ยนความรู้ หรือข้อคิดเห็นต่าง ๆ ร่วมกันได้อย่างชัดเจน
การประเมินเสริมพลัง มีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับระดับของการนำไปใช้ เช่น ระดับองค์กรอาจจะเริ่มต้นจากการกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป็นต้น แต่ในที่นี้ผู้เขียนได้เน้นไปที่ระดับโครงการ ที่ต้องการปรับปรุงหรือพัฒนางานในโครงการให้ดีขึ้น ดังนั้น จึงมีขั้นตอนที่เริ่มจาก
1.การคัดเลือกประเด็นหรือโครงการที่ต้องการพัฒนา
2.การรวบรวมกิจกรรม และผลการประเมินที่เกิดขึ้นทั้งในระดับกิจกรรมและโครงการ
3.การตรวจสอบสถานะของตนเอง (Taking Stock)
4.การวางแผนงานในอนาคต (Planning for the Future)
บทความนี้ จะขยายรายละเอียดโดยเริ่มจากขั้นตอนการตรวจสอบสถานะของตนเอง ที่ดำเนินการหลังจากได้เลือกโครงการ และมีผลการประเมินแล้ว
การตรวจสอบสถานะของตนเอง (Taking Stock)
มีขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้
1.จัดผู้เข้าร่วมกระบวนการประเมินเสริมพลังเป็นกลุ่ม ระบุโครงการที่ต้องการพัฒนา และเป้าหมายที่ต้องการให้บรรลุผลในเบื้องต้น รวมทั้งแจ้งผลการประเมินให้กลุ่มทราบ
2.ให้กลุ่มช่วยกันระบุกิจกรรมที่สำคัญในการดำเนินงานของโครงการนั้น ๆ โดยต้องไม่น้อยและไม่มากเกินไป (ประมาณ 10-20 กิจกรรมที่สำคัญ)
3.จัดลำดับความสำคัญของกิจกรรม เพื่อดูว่ากิจกรรมอะไรที่สำคัญที่สุดและกิจกรรมอะไรมีความสำคัญรองลงไป โดยอาจอาศัยเครื่องมือให้สมาชิกกลุ่มลงมติ เช่น ให้ Stickers ที่แต่ละคนสามารถเอาไปวางบนกิจกรรมที่คิดว่าสำคัญที่สุด เป็นต้น
รูปแสดงตัวอย่างกิจกรรม และการให้คะแนนเพื่อจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรม

จากตัวอย่าง จะมีกิจกรรมอยู่ 3 กิจกรรม โดยกิจกรรมที่ผู้มีส่วนร่วมได้ให้คะแนนหรือให้ความสำคัญมากที่สุด คือ กิจกรรม “Product” ซึ่งมีข้อควรระวัง คือ เมื่อได้ว่ากิจกรรมหนึ่งสำคัญกว่ากิจกรรมหนึ่งแล้ว ควรให้ทุกคนยอมรับโดยการร่วมกันให้เหตุผล เพื่อป้องกันข้อโต้แย้งที่จะเกิดขึ้น
4.ประเมินสภาพการณ์จริงของกิจกรรมที่ได้จากการลำดับความสำคัญไว้แล้ว โดยให้สมาชิกกลุ่มพิจารณาว่าในแต่ละกิจกรรมที่เกิดขึ้นจะสามารถทำไห้ดีได้เท่าไร โดยการให้คะแนนในทุกกิจกรรมตั้งแต่ 1 (ต่ำ) ไปจนถึง 10 (สูง)
รูปแสดงตัวอย่างกิจกรรม และการให้คะแนนแต่ละกิจกรรม

หลังจากนั้น
1) นำคะแนนของแต่ละคนในทุกกิจกรรมมารวมกัน แล้วหาค่าเฉลี่ยรวมทุกกิจกรรมของแต่ละคน เพื่อดูว่าแต่ละคนมีการให้คะแนนที่แตกต่างกันอย่างไร 2) นำคะแนนของทุกคนในแต่ละกิจกรรมมารวมกัน แล้วหาค่าเฉลี่ยของแต่ละกิจกรรม เพื่อดูว่ากิจกรรมไหนมีความเป็นไปได้สูงสุด โดยจากรูปจะพบว่า กิจกรรมที่มีความเป็นได้สูงสุดในการดำเนินงาน คือ Teaching ส่วนกิจกรรมที่มีความสำคัญที่สุด คือ Product Development มีความเป็นไปได้รองลงมา แต่ก็มีข้อสังเกต คือ สมาชิกที่ให้คะแนนคนที่ 1 กับคนที่ 2 มีการให้คะแนนที่ต่างกันมาก (1 กับ 8) กรณีนี้ต้องให้ทั้ง 2 คน อธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมจึงให้คะแนนเช่นนั้น และสามารถที่จะเปลี่ยนคะแนนได้หลังจากที่ได้ฟังถึงเหตุผลของกันและกันแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ก็สามารถที่จะแก้ไขคะแนนได้เช่นกัน
ในขั้นตอนนี้ อาจจะเรียกว่าเป็นขั้นตอนการประเมินตนเองในสถานภาพปัจจุบันว่า การดำเนินงานของตนเองมีกิจกรรมอะไรที่สำคัญบ้าง และมีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติอยู่ในระดับใด ซึ่งเมื่อการให้คะแนนได้รับความเห็นชอบแล้ว จะต้องนำไปเปรียบเทียบกับการบรรลุเป้าหมายว่า จากความเป็นไปได้นี้ จะสามารถทำให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างไร ซึ่งจะต้องถูกนำไปกำหนดเป็นแผนการดำเนินงานในขั้นตอนการวางแผนงานในอนาคต
การวางแผนงานในอนาคต (Planning for the Future)
หมายถึง การนำข้อมูลสถานภาพที่ได้จากการขั้นตอน Taking stock มาวางแผนพัฒนาการดำเนินงาน ซึ่งมีขั้นตอนย่อย 4 ขั้นตอน คือ
1.การทบทวนเป้าหมาย (Goals) และกำหนดกลยุทธการพัฒนา (Strategies) โดยให้สมาชิกในกลุ่มร่วมกันคิดว่าเป้าหมายการดำเนินงานที่ต้องการในอนาคตควรเป็นอย่างไร โดยอาจจะใช้เทคนิค Brainstorming มาช่วย
2.กำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินการว่าจะใช้กลยุทธ์อะไรที่จะทำให้เป้าหมายนั้นประสบผลสำเร็จ โดยจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และอธิบายเหตุผลการการกำหนดกลยุทธ์ต่าง ๆ ไว้ด้วย
3.การเตรียมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ (Evidence) และการลงรายละเอียดของกิจกรรมในแบบฟอร์มแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ซึ่งเป็นเอกสารที่แสดงกิจกรรม และกลยุทธ วิธี/รูปแบบ/ขั้นตอนการพัฒนาต่าง ๆ ที่ตรง/สอดคล้องกับเป้าหมาย (แบบฟอร์มแผนปฏิบัติการอาจจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปได้)
4.วิธีการประเมินผล ซึ่งอาจเป็นการประเมินเป็นระยะ ๆ โดยใช้วิธีการต่าง ๆ มาช่วยในการประเมิน เช่น ใช้การสัมภาษณ์ หรือใช้การสำรวจ เป็นต้น เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องกับโครงการใช้เป็นข้ออ้างอิง หรือเทียบเคียงความก้าวหน้าในระหว่างการดำเนินงาน โดยนำมาเปรียบเทียบกับผลตามกิจกรรมที่เคยทำไว้เดิมว่ามีความก้าวหน้าอย่างไร เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ในระหว่างการประเมินผลอาจจะมีการปรับปรุงเป้าหมาย กลยุทธ์ หรือวิธี/รูปแบบการปฏิบัติงาน ให้เหมาะสมอีกครั้งหนึ่งได้
เมื่อได้รายละเอียดที่ครบถ้วนแล้ว ก็จะต้องนำกิจกรรมในแผนปฏิบัติการที่เกิดขึ้นไปปฏิบัติ และเมื่อปฏิบัติแล้วจะต้องถูกประเมินผลโดยบุคคลที่เรียกว่า ผู้ประเมินภายใน และผู้ประเมินภายนอก ที่เป็นบุคคลสำคัญที่จะนำเอาผลการประเมินมาให้สมาชิกร่วมกันเสริมพลังกันอีกครั้งเพื่อให้งานมีการพัฒนาที่ต่อเนื่อง ซึ่งผู้เขียนไม่ขอกล่าวถึงบทบาทผู้ประเมินทั้ง 2 ณ ที่นี้
กล่าวโดยสรุป การประเมินเสริมพลังเป็นวิธีการประเมินผลที่หน่วยงานสาธารณสุขสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ให้บรรลุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยมีประเด็นหลักอยู่ที่กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเป็นประชาธิปไตย การประเมินสถานการณ์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง การร่วมมือกันวางแผน และการนำกิจกรรมไปปฏิบัติเพื่อพัฒนางานอย่างต่อเนื่องเป็นสำคัญ
บรรณานุกรม
David M. Fetterman. (2005). Conceptualizing Empowerment in Terms of Sequential Time and Social Space. in: Empowerment Evaluation Principles in Practice. New York: The Guilford Press.
Marvin C. Alkin. (2004). Evaluation Root: Tracing Theorists’ Views and Influences. California: Sage Publications, Inc.
Scriven, M. (1997). Empowerment Evaluation Examined. Evaluation Practice. 18 (2): 165- 175.
Stufflebeam, D.L. (1994). Empowerment Evaluation, Objectivist Evaluation, and Evaluation Standard: Where the Future of Evaluation Should Not Go and Where It Need to Go. Evaluation Practice. 15 (3): 321-338.
|