ป่าไม้ หมายถึง ที่ดินรวมถึงภูเขา ห้วย หนอง คลอง บึง บาง ลำน้ำ ทะเลสาบ เกาะ และที่ชายทะเล ซึ่งยังมิได้มีบุคคลใดได้มาตามกฎหมาย และให้ความหมายรวมถึงไม้ทุกชนิดที่อยู่ในป่า
ป่าไม้มีประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ประโยชน์ทางตรง เช่น การนำมาเป็นอาหาร การใช้ไม้จากป่าในการก่อสร้างบ้านเรือน ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ ใช้เป็นเชื้อเพลิง ใช้ทำวัตถุเคมี อาทิ เซลลูโลส (cellulose) ที่ใช้กันมากในการทำกระดาษ ยารักษาโรคในรูปของสมุนไพรหรือนำไปแปรรูปเป็นยาแผนปัจจุบัน ส่วนประโยชน์ทางอ้อม คือ ทำให้ฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมี ความชุ่มชื้นในอากาศสม่ำเสมอ ทำให้อากาศไม่ร้อนจัด ไม่หนาวจัด บรรเทาความรุนแรงของลม ป้องกันการกัดเซาะดิน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ป้องกันอุทกภัย เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น
1. พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 เป็นกฎหมายควบคุมการเก็บไม้หวงห้ามและของป่าหวงห้าม โดยกิจกรรมดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตและมีการเก็บค่าภาคหลวง ยกเว้นกรณีตัดไม้โดยเจ้าพนักงานเพื่อบำรุงรักษาป่า หรือการค้นคว้าทดลองในเชิงวิชาการ นอกจากนั้นยังมีข้อกำหนดห้ามการมีของป่าหวงห้ามครอบตรองเกินกว่าที่กำหนดไว้ในประกาศ ยกเว้นได้รับอนุญาต
2. พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 เป็นการให้อำนาจรัฐบาลในการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินที่มีสภาพธรรมชาติเป็นที่น่าสนใจให้คงอยู่เพื่อการศึกษาและสร้างความรื่นรมย์ให้กับประชาชนทั่วไป โดยมีมาตรา 16 ห้ามการกระทำในเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อป้องกันการบุกรุกทำลายป่าและการจัดการที่เหมาะสมกับชุมชนในเขตอุทยาน เช่น ห้ามครอบครองที่ดิน รวมทั้งแผ้วถาง หรือเผาป่า ห้ามเก็บหาของป่า เป็นต้น
3. พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 กำหนดให้เขตป่าสงวนแห่งชาติห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครอง อาศัยในที่ดิน รวมถึงการแผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือทำกิจกรรมที่เป็นการทำให้สภาพป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมเสีย ยกเว้นได้รับอนุญาตจากอธิบดี นอกจากนั้นยังมีมาตรา 20 ที่ส่งเสริมการทำป่าเศรษฐกิจโดยให้ผู้ได้รับอนุญาตปลูกสร้างสวนป่าหรือปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม โดยเสียค่าตอบแทนให้กับรัฐบาลในอัตรา 10 บาทต่อไร่ต่อปี
4. พระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. 2535 ออกมาเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการปลูกสร้างสวนป่าเพื่อการค้าในที่ดินของรัฐและของเอกชนให้กว้างขวางมากขึ้น ตลอดจนเพื่อให้การรับรองสิทธิและประโยชน์ของผู้ปลูกสร้างสวนป่า เช่น การยกเว้นค่าภาคหลวง และกฎเกณฑ์บางประการตามพระราชบัญญัติป่าไม้