การติดเครื่องหมายประจำตัวสัตว์อิเล็กทรอนิกส์ หรือไมโครชิพ(microchip)ในสัตว์ ส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะนึกถึง สุนัข แมว เพียงเท่านั้น แต่ในปัจจุบันหน่วยงานราชการ ได้มีการติดหรือฝังไมโครชิพในกระบือไทยและใช้การเชื่อมต่อข้อมูลด้วยระบบ RFID (Radio frequency indentification) เพื่อขึ้นทะเบียนสัตว์แล้ว ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้มีการจัดทำโครงการบริหารจัดการเศรษฐกิจสำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญ (Zoning) กิจกรรมพัฒนาเศรษฐกิจกระบือ และสืบเนื่องจากสถานการณ์ กระบือและผู้เลี้ยงกระบือในประเทศไทยมีปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้เกิดการสูญพันธุ์ของกระบือในประเทศไทยได้ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายเร่งด่วน ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนประชากรกระบือเพศเมีย จำนวน 1 ล้านตัว ภายในปี 2565 ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบนโยบาย
ให้มีการจัดทำเครื่องหมายและขึ้นทะเบียนกระบือทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาการลดลงของจำนวนกระบืออย่างเร่งด่วน ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้รับมอบหมายให้ดำเนินกิจกรรมดังกล่าว จึงมี แผนในการจัดทำเครื่องหมายระบุตัวสัตว์ (Microchip) กับกระบือในประเทศไทย เป็นเครื่องระบุตัวสัตว์ชนิดปลอดเชื้อ (Sterile Identity ISO Microchip) พร้อมทั้งเครื่องอ่านรหัส ไมโครชิพ เพื่อจัดเก็บข้อมูลประวัติกระบือเป็นรายตัว และทราบถึงพิกัด แหล่งที่อยู่ของกระบือในแต่ละพื้นที่เชื่อมโยงข้อมูลกระบือในระบบ RFID เข้ากับระบบเคลื่อนย้ายสัตว์ผ่าน ระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Movement) และขึ้นทะเบียนสัตว์แห่งชาติ (NID) ทราบเส้นทางและทิศทางในการเคลื่อนย้ายกระบือ และเป็นฐานข้อมูลในการพัฒนาสายพันธุ์กระบือ เพื่อเป็นแนวทางในการอนุรักษ์และดำเนินการตามโครงการดังกล่าวทางปศุสัตว์ได้ดำเนินการติดไมโครชิพให้กับกระบือตัวเมียทั่วประเทศที่ร่วมโครงการในครั้งนี้ ซึ่งการติด ไมโครชิพ จะติดตั้งที่โคนหางของกระบือเพศเมียทุกตัว จะเป็นเครื่องการรันตีว่า กระบือตัวนั้นจะทราบแหล่งที่มาที่ใบว่าใครเป็นเจ้าของ มีการตรวจรักษา ฉีดวัคซีนป้องกันโรคตาม
ระยะเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่ และเป็นการช่วยตรวจสอบได้ผลอย่างชัดเจนหากว่ามีการลักขโมยกระบือ หรือมีการขนส่งกระบือผ่านจุดตรวจ จุดสกัดกักกันสัตว์ตามที่ต่างๆ ทั่วประเทศ สามารถจะตรวจจับคนร้ายที่ลักขโมยวัวควายได้อย่างทันท่วงที ไมโครชิพในกระบือมีลักษณะเป็น Passive microchip คือ เป็นไมโครชิพชนิดที่ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว แต่รับคลื่นความถี่วิทยุจากเครื่องอ่าน แล้วสะท้อนข้อมูลรหัสระบบ RFID (ตัวเลข หรือตัวอักษรที่แสดงบนเครื่องอ่าน โดยปัจจุบันจะกำหนดเป็นตัวเลข 15 หลัก ตามมาตรฐานสากล) กลับไปที่เครื่องอ่าน ไมโครชิพมีลักษณะเป็นหลอดแก้วมีขนาดเส้นผ่า
ศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 3 มิลลิเมตร และความยาวหลอดแก้วไม่น้อยกว่า 13 มิลลิเมตร โดยไมโครชิพจะบรรจุอยู่ในเข็มและไซริงค์และบรรจุปิดผนึกอยู่ในซองที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรค ด้วยวิธี Gas Sterilization พร้อมใช้งานได้ทันที ไมโครชิพสามารถอยู่ในร่างกายสัตว์ได้นาน โดยในกระบือ จะทำการฝังไมโครชิพครั้งเดียวที่บริเวณโคนหางด้านขวา ซึ่งสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตสัตว์ โดยไม่ทำปฏิกิริยากับ ร่างกายสัตว์ โดยสามารถใช้ไมโครชิพในสัตว์ทุกประเภทตั้งแต่ขนาดเล็ก เช่น หนูทดลอง ปลา กิ้งก่า จนกระทั่งสัตว์ที่มีขนาดใหญ่เช่น ช้าง และล่าสุด กรมปศุสัตว์ได้นำไมโครชิพมา
ใช้ในกระบือ โดยในการติดไมโครชิพไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวสัตว์ โดยไม่มีข้อห้ามใดๆหลังจากฝังไมโครชิพ และมีอันตรายน้อย นอกจากนี้ยังใช้เวลาน้อยมาก รวมทั้งมีผลการศึกษา ว่าการฝังไมโครชิพในร่างกายสัตว์แทบจะไม่เกิดอาการที่แสดงถึงความเจ็บปวด (less signs of pain)ในร่างกายสัตว์และแทบเรียกว่าไม่มีการอักเสบเลย (less inflammation) และไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในระยะยาวใดๆ (Casper Lindegaard et al.,2009) การติดเครื่องหมายประจำตัวสัตว์อิเล็กทรอนิกส์ (microchip)ในกระบือ และเชื่อมต่อข้อมูลด้วยระบบ RFID (Radio frequency indentification) เพื่อขึ้นทะเบียนสัตว์มีประโยชน์อย่างไร ? 1.เป็นการขึ้นทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์กระบือ ให้มีบัตรประจำตัวสัตว์ตามระเบียบกรมปศุสัตว์ 2.กระบือที่ติดไมโครชิพ สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวกตามระเบียบการเคลื่อนย้ายสัตว์ โดยไมโครชิพจะทำให้ทราบข้อมูลตัวสัตว์ ทำให้การซื้อขายไม่ผิดตัว และตรงไป ตรงมา และสามารถยืนยันความเป็นเจ้าของสัตว์ได้จากใบรับรองการติดตั้งบัตรประจำตัวสัตว์อิเล็กทรอนิกส์
3.การติดไมโครชิพในแม่พันธุ์กระบือ จะทำให้เกิดความแน่นอนในการยืนยันสายพันธุ์ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำเชื้อแช่แข็งในการผสมเทียมในแม่พันธุ์แล้วเกิดเลือดชิด (inbreed) และสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้ 4.จะได้รับบริการต่างๆตามระเบียบกรมปศุสัตว์ เช่น การบริการดูแลด้านสุขภาพ ถ่ายพยาธิ หรือการติดตามดูแล ช่วยเหลืออื่นๆ สืบค้นประวัติของกระบือ เพศ พันธุ์ อายุ สี ตำหนิรวมถึงเกษตรกรเจ้าของกระบือ ซึ่งกระบือต้องขึ้นทะเบียนกับกรมปศุสัตว์ รวมทั้งอาจสามารถสืบประวัติการทำวัคซีน การถ่ายพยาธิหรือการเจ็บป่วยและการรักษาก่อนหน้าได้ โดยกรมปศุสัตว์จะดำเนินการฝังไมโครชิพในกระบือภายใต้โครงการอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตกระบือ, ธนาคารไถ่ชีวิตโค-กระบือ, และกระบือเพศเมีย ทั่วประเทศ ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2559
|