๑๔๐
ปี กิจการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในประเทศไทย
โดย...คุณชินาทร กายสันเทียะ
ประธานชมรมยุวชนมัคคุเทศก์พิพิธภัณฑ์ สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครราชสีมา
ต.โพธิ์กลาง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
อีเมล์
: rachachinakawin@gmail.com
(เนื้อหาและภาพประกอบเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน)
|
มิวเซียมหลวง ในสมัยรัชกาลที่
๕ หรือ หอคอยคอเดีย ภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในปัจจุบัน คือ
ศาลาหทัยสมาคม
ข้อมูลภาพ ณ วันที่ 30-9-57 |
|
เมื่อเราจะหาแหล่งความรู้เพื่อค้นคว้าเรื่องราวในอดีต
นอกจากห้องสมุดแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงจะต้องนึกถึง พิพิธภัณฑ์สถานที่ที่ทำให้เราได้ย้อนอดีตผ่านสิ่งจัดแสดง
ต่างๆ ที่ทรงคุณค่าและเป็นสมบัติของชาติของเราทุกทุกที่ต้องช่วยกันดูแลรักษา
เพื่อส่งต่อความประทับใจในความเป็นชาติไทยไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานของเรา และเนื่องในโอกาส
ที่กิจการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ครบ ๑๔๐ ปี เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๗
ที่ผ่านมา จึงขอมาบอกเล่าประวัติความเป็นมาของกิจการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในประเทศไทย
ในยุดสมัยต่างๆ ใน ๑๔๐ ปี ที่ผ่านมา
พิพิธภัณฑ์
หรือในภาษาอังกฤษ คือ Museum เป็นอาคารหรือสถาบัน ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเก็บรักษาวัตถุที่มนุษย์ทำขึ้น
ทั้งในรูปแบบของโบราณวัตถุ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ
ประวัติศาสตร์ โดยมีจัดแสดงให้ผู้คนสามารถเข้าชมได้ถาวร หรือจัดแสดงชั่วคราว
พิพิธภัณฑ์มักจะให้บริการแก่สาธารณชน เพื่อประโยชน์ในการศึกษา สันทนาการ
แสดงความ
ภูมิใจของท้องถิ่น ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์หรือเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์
เรียกว่า ภัณฑารักษ์
ส่วนคำว่า
พิพิธภัณฑ์ (พิ-พิด-ทะ-พัน) นี้ มาจากคำว่า พิพิธ สมาสกับคำว่า ภัณฑ์ หมายถึงของใช้ที่แตกต่างกัน
ซึ่งในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้
คำนิยามว่า "สิ่งของต่างๆ ที่ได้ถูกรวบรวมไว้เพื่อประโยชน์ในการศึกษา"
ในขณะเดียวกันคำว่า พิพิธภัณฑสถาน มีความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน
พ. ศ. ๒๕๔๒ ว่า สถานที่เก็บรวบรวมและแสดงสิ่งต่างๆ ที่มีความสำคัญด้านวัฒนธรรมหรือด้านวิทยาศาสตร์
โดยมีความมุ่งหมายเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา และก่อให้
เกิดความเพลิดเพลินใจ ซึ่งในปัจจุบันความหมายของพิพิธภัณฑ์เอง ได้ถูกเรียกหมายถึงพิพิธภัณฑ์สถานเช่นเดียวกัน
ในประเทศไทยเรา
ได้มีการริเริ่มดำเนินการรวบรวมวัตถุสิ่งต่าง ๆ เป็นครั้งแรก ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ มีการจัดพิพิธภัณฑสถานส่วนพระองค์ ณ พระที่นั่งราชฤดี ภายในพระบรมมหาราชวัง
เป็นครั้งแรกของสยาม ซึ่งเป็นที่จัดตั้งแสดงสิ่งสะสมส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงรวบรวมไว้ตั้งแต่ครั้งก่อนเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ
และต่อมาได้มีการย้ายมาจัดแสดงที่พระที่นั่งประพาสพิพิธภัณฑ์ ในหมู่พระอภิเนาว์นิเวศ
ภายในพระบรมมหาราชวัง อันเป็นที่มาของคำว่า พิพิธภัณฑ์ ในเวลาต่อมา เมื่อถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๕ ได้มีพระราชปรารภให้มีการ
จัดตั้ง มิวเซียมหลวง ขึ้น ณ หอคอยคอเดีย ภายในพระบรมมหาราชวัง หรือศาลาหทัยสมาคมในปัจจุบัน
ซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก เพื่อจัดแสดงสิ่งของต่างๆ ได้แก่
บรรดาของที่ระลึก เครื่องราชบรรณาการจากนานาประเทศ รวมทั้งศิลปวัตถุอันมีค่านานาชนิดที่เป็นของส่วนพระองค์
โดยมีเจ้าพระยาภาสกรวงษ์ (พร บุนนาค) เป็นหัวหน้าฝ่าย
ไทย และมีนายเฮนรี่ อาลาบาสเตอร์ เป็นผู้อำนวยการจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถาน(มิวเซียมหลวง)
ให้เป็นแบบสากล เปิดให้ประชาชนเข้าชมเป็นครั้งแรก เนื่องในโอกาสศุภมงคล
เฉลิมพระชนมพรรษา ๒๑ พรรษา ๒๐ กันยายน ๒๔๑๗ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ.
๒๔๑๗ ดังนั้น ในวันนี้ จึงกำหนดเป็นวันกำเนิดพิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชน
ต่อมาในปี
พ.ศ. ๒๕๓๘ คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้วันที่ ๑๙ กันยายน ของทุกปี เป็น วันพิพิธภัณฑ์ไทย
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๗ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี
พระบรมราชินี ทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ภายในพระราชวังบวรสถานมงคล
เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๙
ข้อมูลภาพ ณ วันที่ 30-9-57 |
|
มิวเซียมหลวง
ดังกล่าวได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมเฉพาะในการเฉลิมพระชนมพรรษาต่อเนื่องเป็นประจำ
ทุกปี จนถึง พ.ศ.๒๔๓๐ เมื่อกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ เสด็จ
ทิวงคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
ให้ ย้ายมิวเซียมหลวงจากที่ในพระบรมมหาราชวัง มาจัดตั้งในพระราชวังบวรสถานมงคล
เฉพาะ
พระที่นั่งด้านหน้า ๓ องค์ คือ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
และพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย โดยจัดเป็นพิพิธภัณฑสถานประเภททั่วไป และจัดแสดงวัตถุต่างๆ
รวมทุก
สาขาวิชา ได้แก่ โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ สิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ และวัตถุทางธรรมชาติวิทยา
ฯลฯ เปิดให้ประชาชนเข้าชมเป็นการถาวร ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๓๒ จึงทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ ยกฐานะที่พิพิธภัณฑสถานขึ้นเป็นกรมพิพิธภัณฑ์ ขึ้นกับกระทรวงธรรมการ
มีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไชยานุชิต กรมหมื่นพงศาดิศรมหิป เป็น
อธิบดีคนแรก ภายหลังได้ปรับปรุงการรับผิดชอบเป็นของราชบัณฑิตยสภา เป็นของแผนกโบราณคดีและพระราชทานหมู่พระที่นั่งในพระราชวังบวรสถานมงคลทั้งหมด
จัดตั้งเป็น
พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนครโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
นายกราชบัณฑิตยสภา ทำการปรับปรุงการจัดแสดงพิพิธภัณฑสถานใหม่ ให้เป็น
พิพิธภัณฑสถานด้านโบราณคดีและศิลปะ เก็บรวบรวมและสงวนรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ
อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้
เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดในโอกาสศุภมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่
๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๙
ต่อมาประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราช
มาเป็นระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลได้จัดตั้งกรมศิลปากรขึ้นมาใหม่ เมื่อ พ.ศ.
๒๔๗๖ พิพิธภัณ
ฑสถานสำหรับพระนคร จึงได้เข้าสังกัดกับกรมศิลปากร และได้ประกาศตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
พระนคร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗ และพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นแหล่งเรียนรู้
สำคัญด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี และศิลปวัฒนธรรม ที่สร้างความภาคภูมิใจมาจนทุกวันนี้
พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน
ภายในพระราชวังบวรสถานมงคล (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร)
เป็นที่จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาติไทยผ่านโบราณวัตถุ
ศิลปวัตถุ ชิ้นเด่นในประเทศไทย
ข้อมูลภาพ ณ วันที่ 30-9-57 |
|
...การไปชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
จะช่วยให้ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในภูมิภาค ในพื้นที่ที่เราไม่มีเวลาไปดู
มีทั้งโบราณวัตถุ และศิลปะพื้นบ้าน... พระราชปรารภเรื่อง
การเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ที่พระราชทานลงในคำนำ หนังสือล้านนา ของกองวิชาประวัติศาสตร์ ส่วนการศึกษา
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสที่ทรงนำคณะอาจารย์และนักเรียนนายร้อยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
ทัศนศึกษาภาคเหนือตอนบน, ๒๕ ๒๘
พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๒ จึงพระราชปรารภนี้ ทำให้เราเห็นความสำคัญของการเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ที่เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต
ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงอุปถัมภ์บำรุง อนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมของชาติให้พัฒนาถาวรตลอดมา
จึง
ได้มีการจัดนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี กับการอนุรักษ์มรดกไทย ในหัวข้อ
พิพิธภัณฑสถาน โบราณคดี และประวัติศาสตร์ ตามรอยพระบาทสยามบรมราชกุมารี
โดย กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ในระหว่างวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๗ - ๑๘ มกราคม
๒๕๕๘ (เปิดวันพุธ-อาทิตย์) เวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น. ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการดังกล่าวได้
เพื่อ
ร่วมกันน้อมสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ที่พระองค์ท่านได้ทรงอุปถัมภ์บำรุง เอาพระราชหฤทัยใส่ในกิจการด้านพิพิธภัณฑสถานเสมอมา
จึงอยากเชิญชวนให้คนไทยหันมาเรียนรู้
เรื่องราวในอดีตผ่านสิ่งต่างๆที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่จะบอกเล่าความเป็นมาของชาติไทยหรือท้องถิ่นนั้น
ทำให้เรารู้สึกมีความภาคภูมิใจในชาติของเรา ผ่านการเข้าชมพิพิธภัณ
ฑสถานแห่งชาติ
เอกสารอ้างอิง
...........................................................................................................................
๑. จิรา จงกล. กิจการพิพิธภัณฑสถาน. กรุงเทพฯ
: กรมศิลปากร จัดพิมพ์ ในงานฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ, ๒๕๑๗.
๒. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์. เกิดวังปารุสก์ ฉบับสมบูรณ์
: สมัยบูรณาญาสิทธิราชย์
และสมัยประชาธิปไตย. พิมพ์ครั้งที่ ๑๒. กรุงเทพฯ : ริเวอร์ บุ๊คส์, ๒๕๔๗.
๓. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี. "คำนำ" ใน ล้านนา.
กองวิชาประวัติศาสตร์
ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสที่ทรงนำคณะอาจารย์และนักเรียนนายร้อยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
ทัศนศึกษาภาคเหนือตอนบน, ๒๕ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๒.
|