การพัฒนาบุคคลากรด้วยการจัดโครงการฝึกอบรม จะส่งผลและเอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับองค์กรหรือหน่วยงานได้แค่ไหน ย่อมขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถ และทัศนคติที่ มีต่อบุคลากรผู้รับผิดชอบจัดการฝึกอบรม ถ้าสามารถจัดฝึกอบรมได้ดีมีประสิทธิภาพ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการฝึกอบรมและหลักการบริหารงานฝึกอบรมแล้ว ผู้ที่ รับผิดชอบงานฝึกอบรมจะต้องมีความสามารถในการสื่อสารการใช้เทคโนโลยี เพื่อเป็นสื่อในการส่งสารในงานฝึกอบรมได้เป็นอย่างดี จะต้องมีความเข้าใจหรือความชัดเจนค่อน ข้างมาก
ความหมายการเรียนรู้ การเรียนรู้เป็นขบวนการที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ได้ตลอดชีวิต เราสามารถที่จะเรียนรู้ได้ด้วยการได้ยิน การสัมผัส การอ่าน หรือการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ จะทำให้คนสามารถเปลี่ยน พฤติกรรม เปลี่ยนความคิดได้ มีองค์ประกอบ 4 ประการ คือ 1. คนอยากเรียนรู้ เพราะว่ามีแรงขับ คือมีความต้องการที่จะเรียนรู้ 2. สิ่งเร้า ผู้สอน วิทยากร จะต้องทำให้เกิดความน่าสนใจในการที่จะเรียน 3. การตอบสนอง เมื่อมีสิ่งเร้าทำให้เกิดความสนใจ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมก็จะตอบสนอง เข้าร่วมกิจกรรม มีการแสดงออก มีการรับรู้ มีความสนใจ 4. มีแรงเสริม คือมีการโต้ตอบ มีการซักถาม มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้ารับการอบรมให้เป็นที่น่าสนใจ แต่ถ้าแรงเสริมในทางลบจะทำให้เกิดความรู้สึกหรือมีทัศนคติที่ไม่ดี ต่อการอบรม แนวคิดนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในงานฝึกอบรม ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันการทำงานของเรามากขึ้น เข้ามามีส่วนเป็นชีวิตประจำวันที่เราต้องเป็นมิตรกับเทคโนโลยีตลอด การนำเทคโนโลยี มาใช้ในการพัฒนาพนักงาน จะช่วยลดข้อจำกัดในด้านต่าง ๆ ลงได้อย่างมาก เราสามารถที่จะเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยนำเทคโนโลยมาออกแบบในการพัฒนาพนักงาน
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วย ระบบ Computer ประกอบด้วย Hardware Software ระบบเครือข่าย ฐานข้อมูล ผู้พัฒนาระบบต้องทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อรวบรวมจัดเก็บข้อมูล ประมวลผล สร้างสารสนเทศ เป็นการพัฒนาและเรียนรู้ของพนักงานได้ เกิดการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจริง ๆ การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการฝึกอบรม จะต้องมีการเลือกเอาเทคนิคการฝึกอบรมอย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะเทคโนโลยีแต่ละประเภทไม่ได้เหมาะกับทุก ๆ เรื่อง ผู้สอน วิทยากร หรืออาจารย์ ต้องเลือกให้เหมาะสมกับหัวข้อในการอบรมหลักสูตรนั้น ๆ เพื่อใช้ในการฝึกอบรมให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเกิดผลลัพธ์อย่างที่องค์กรคาดหวัง ก็คือ เมื่อ ผู้รับการอบรมผ่านไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมีพฤติกรรม มีการพัฒนาการทำงานใหม่ ๆ เกิดขึ้น ข้อจำกัดการใช้เทคโนโลยี ก่อนที่เราจะนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานฝึกอบรม เราต้องรู้ก่อนว่าเทคโนโลยีนั้นเราจะใช้เพื่อการสื่อสาร การถ่ายทอดความรู้ การแสดงความคิดเห็นหรือการแบ่งปัน ประสบการณ์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างไร 1. จะต้องพิจารณาว่า กิจกรรมที่ต้องทำในการเรียนรู้ ในการพัฒนาว่าเราต้องทำกิจกรรมอะไรร่วมกันบ้าง ระหว่างอาจารย์ผู้สอน วิทยากร กับผู้เข้ารับการอบรม เราจะสามารถ ใช้เทคโนโลยีในขั้นตอนไหนได้บ้าง 2. พิจารณาถึงกลุ่มของผู้เข้าอบรม กลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ หรือผู้เรียนสามารถที่จะทำกิจกรรมคนเดียวได้ โดยการโต้ตอบกับระบบตอบรับอัตโนมัติ 3. พิจารณาถึงความสามารถ ความคุ้นเคย ว่าผู้เรียนมีความเข้าใจต่อการใช้เทคโนโลยีหรือไม่ 4. พิจารณากลุ่มของผู้เรียน ถ้าเขายังไม่เคยใช้เทคโนโลยีมาก่อน จะต้องมีการเตรียมหรืออาจจะมีการ Test โดยการทดสอบ 5. พิจารณาถึงเวลา อุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ ว่ามีเพียงพอหรือไม่ในเวลาการเรียนการสอน แต่เราไม่สามารถจะใช้เทคโนโลยีได้ภายในเวลาที่มีอยู่ ถ้ามีอุปกรณ์ไม่เพียงพอจะทำ ให้ประสิทธิภาพในการเรียนการสอนก็จะลดลงไป 6. เรื่องของงบประมาณ ถ้าองค์กรยังไม่พร้อมในการลงทุนจัดหาเครื่องมือ Computer อุปกรณ์ Computer Hardwareก็ต้องปรับวิธีการเรียนการสอนที่ผู้เรียนยังไม่จำเป็น ต้องมีอุปกรณ์ อาจจะมีเฉพาะตัวที่สามารถที่จะใช้กับ Computer ปรับประยุกต์กับสิ่งที่มีอยู่ก่อน 7. พิจารณาดูทัศนคติของผู้เรียน อาจจะมีทัศนคติที่ไม่ดีกับการใช้ Computer หรืออาจจะมีทักษะการใช้ไม่ดีพอ ยังไม่มีความพร้อมกับการเรียนรู้ จะทำให้การเรียนรู้ของ องค์กรจะเสียเวลาไปได้
การใช้เทคโนโลยีเพื่อการอบรม ถ้าจะนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการฝึกอบรม เช่น การสอนทางไกล e-learning เป็นการสอนทางไกลที่ใช้สื่ออีเล็คโทรนิกส์ผ่าน www. ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน ใช้เป็น ช่องทางในการติดต่อสื่อสาร ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้มากมายที่อยู่ในโลกนี้จะอยู่ที่ไหนก็สามารถเรียนได้ ผู้เรียนสามารถเข้าถึงสื่อการสอนได้ตามสะดวก โดยผู้ เรียนเองเป็นผู้ควบคุมการเรียน อาจารย์จะมีบทบาทในการสอนเปลี่ยนไป อาจารย์ วิทยากรก็มีหน้าที่เป็นผู้เตรียมบทเรียนไว้ให้ ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา อำนวยความสะดวก โดย ที่ผู้เรียนต้องมีความพร้อมที่จะเรียน มีวินัยในการเรียน จะเรียนที่ไหนก็ได้ เรียนโดยที่ไม่จำเป็นต้องเรียนพร้อมกัน ผู้เรียนสะดวกเมื่อไรก็ลงทะเบียนเข้าไปในระบบ แล้วก็สามารถ เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ขั้นตอนการทำงานของการฝึกอบรม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในงานฝึกอบรมไม่ใช่แค่สื่อประกอบการสอนเพียงประการเดียว แต่หมายถึงทุก ๆ ขั้นตอนในการทำงานของการฝึกอบรม สามารถนำมาใช้ได้ ตั้งแต่แรก ตั้งแต่ระบบเอกสาร การลงทะเบียนฝึกอบรม โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1. การวิเคราะห์หาความจำเป็นในการฝึกอบรม ถ้าในองค์กรมีระบบประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานอยู่แล้ว ก็สามารถที่จะเก็บข้อมูลความต้องการในการฝึกอบรม ปัญหา ต่าง ๆ จากระบบประเมินผล แล้วมาออกแบบควบคู่ไปกับระบบประเมินผลแบบ online ซึ่งผู้รับผิดชอบก็สามารถที่จะประมวลผลปัญหาต่าง ๆ นำมาแก้ปัญหาได้ด้วยการ ฝึกอบรมผ่านเทคโนโลยีที่องค์กรได้ออกแบบผ่านระบบประเมินผล 2. เมื่อเราทราบปัญหาแล้วก็จะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการฝึกอบรม โดยจะสอดแทรกเป็นสื่อในการฝึกอบรมในขั้นตอนไหนได้บ้าง ในหลักสูตรอะไรได้บ้าง เราอาจจะเลือก ใช้เป็นภาพยนต์ ให้ผู้เรียนดูภาพยนต์ อาจจะเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อที่จะมาระดมการแก้ไขปัญหา
3. ขั้นตอนการลงมือปฏิบัติ หากมีการนำสื่อเข้ามาใช้ควรจะเลือกสภาพห้องเรียนให้มีความเหมาะสม มีอุปกรณ์เพียงพอกับผู้เรียนและครบถ้วน 4. การประเมินผลการพัฒนาพนักงาน เป็นการประเมินว่าผู้เรียนได้มีการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ของตัวหลักสูตรหรือไม่ การประเมินผ่าน web จากการออกแบบขององค์กร ให้มีการติดตามภายหลังการฝึกอบรม ค่าใช้จ่ายในแต่ละประเภท ในการวางแผนนำเทคโนโลยีมาใช้ย่อมต้องมีค่าใช้จ่าย ในแต่ละประเภทของเทคโนโลยีที่นำมาใช้ก็ไม่เหมือนกัน เช่น 1. การเรียนในห้องเรียนปกติ เมื่อมีการเปิดสอนหรือเปิดบรรยาย ผู้เข้าเรียนก็เข้าเรียนได้เลย แต่การเรียนการสอนทางไกล e-learning จะเข้าเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ สามารถ เรียนได้ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อผู้เรียนมีความพร้อม เพราะระบบเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว 2. การวัดผลในห้องเรียนโดยครูผู้สอนหรือวิทยากร แต่ในระบบ e-learning จะเป็นระบบตอบรับอัตโนมัติ สามารถที่จะประเมินผู้เรียนได้โดยทันที เพราะถูกออกแบบไว้ให้ มีการวัดผล 3. การจดจำ การเรียนในห้องเรียน ผู้สอนวิทยากรทำการสอน ผู้เรียนก็จดบันทึก ถ้าต้องการอ่านซ้ำเราก็ต้องอ่านจากบันทึกที่เราจดเอาไว้ โดยจะจดตามความเข้าใจของเรา เอง ซึ่งข้อมูลหรือสาระสำคัญบางอย่างอาจจะตกหล่นไปได้ ส่วนของ e-learning ผู้เรียนสามารถที่จะอ่านทวนซ้ำได้หลาย ๆ ครั้งตามที่ต้องการ จะเห็นได้ว่าเมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในห้องเรียน จะมีค่าจ้างอาจารย์ วิทยากร ที่มาสอนในแต่ละครั้ง แต่สำหรับ e-learning จะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า เพราะเป็นการผลิต รายการ มีการผลิตรูปแบบของการเรียน การสอนเพียง 1 ครั้ง ผู้เรียนก็สามารถที่จะเรียนซ้ำกี่ครั้งก็ได้ โดยเนื้อหาเหมือนเดิม ฉะนั้นในระยะยาวการออกแบบใช้ e-learning นำเข้า มาใช้จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการเข้าเรียนในห้องเรียน เมื่อคิดถัวเฉลี่ยกับจำนวนผู้เรียนที่สามารถเข้ามาเรียนซ้ำแล้วซ้ำอีก หลาย ๆ รอบก็ได้ นางสาวอุษณีย์
จูฑะศิลป์ เรียบเรียง |