รถยนต์ในปัจจุบันนี้กลายเป็นปัจจัยหนึ่งในชีวิตของเราไปแล้ว แต่ปัญหาที่คนมีรถยนต์มักจะพบอยู่เหมือนกัน คือ เรื่องของการจราจรที่หนาแน่นมากขึ้น ราคาของน้ำมันเชื้อ เพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา และเรื่องของการประกันภัย รวมถึงอุบัติเหตุต่าง ๆ แต่รถยนต์ก็ยังเป็นสิ่งกระตุ้นความสนใจให้กับคนรุ่นใหม่อยากจะมีชีวิตที่สะดวก สบายด้วยรถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้น บริษัทผลิตรถยนต์จึงต่างก็เร่งพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกและลดผลกระทบต่าง ๆ ต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด
แนวโน้มของเทคโนโลยียานยนต์ เรื่องของการใช้ยานพาหนะในปัจจุบันนี้ รถยนต์จะเป็นเหมือนปัจจัยที่เราจะขาดไม่ได้ จึงทำให้เกิดมลภาวะที่มาจากการใช้รถยนต์ และน้ำมันเชื้อเพลิงก็มีราคาสูงขึ้นมาก และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะว่ามีความจำกัดในเรื่องของตัวน้ำมันเชื้อเพลิงที่เอามาใช้ ฉะนั้น แนวคิดของเทคโนโลยียานยนต์ในปัจจุบันนี้จึงเน้นกันอยู่ 3 เรื่อง คือ 1 . เรื่องความประหยัด จะผลิตรถยนต์ออกมาอย่างไรให้สามารถประหยัดที่สุด ประหยัดทั้งในแง่ของตัวการใช้เชื้อเพลิง และประหยัดในแง่ของค่าบำรุงรักษา 2. เน้นเรื่องความปลอดภัย จากการสังเกตุจะเห็นได้ว่ารถยนต์ในปัจจุบันรุ่นใหม่ ๆ ที่ผลิตออกมาจะมีระบบเรื่องของความปลอดภัยค่อนข้างจะดีกว่าสมัยก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของระบบเบรค ABS เรื่องของการมีระบบที่ป้องกันรถที่จะตีลังกาหงายท้อง หรือไม่ก็บางรุ่น บางยี่ห้อก็จะมีระบบการป้องกันการไถลลงเวลารถที่ลงเขาชัน ๆ ก็จะมีระบบนี้ช่วย 3. เรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม พยายามที่จะผลิตรถออกมาว่า จะทำอย่างไรถึงจะให้ปล่อยมลพิษออกมาน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมทั้งการใช้วัสดุที่จะมาประกอบเป็น ตัวรถ ก็จะใช้วัสดุที่จะก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ระบบเทคโนโลยีที่ใช้ในรถยนต์ เทคโนโลยีสำคัญที่ใช้ในรถยนต์ปัจจุบันมีอยู่ 3 ระบบ คือ 1. ระบบดั่งเดิม เป็นเครื่องยนต์ทั้งเบนซินและดีเซล 2. ระบบลูกผสม หรือที่เรียกว่า ไฮบริดจ์ คือใช้เครื่องยนต์เบนซิน แล้วก็ใช้พลังไฟฟ้ามาหมุนมอเตอร์เอาไปหมุนร่วม เพื่อทำให้รถขับเคลื่อนไป 3. ระบบไฟฟ้าล้วน ๆ 100 % ในประเทศไทยยังไม่มีใช้ เพราะเป็นรถไฟฟ้าที่มีราคาแพงมากซึ่งส่วน ใหญ่จะสั่งเข้ามาเพื่อทำการวิจัย ตัวสำคัญที่ทำให้มีราคาแพงก็คือ ตัวแบตเตอรี่ซึ่งมีราคาสูงมาก จะเห็นได้ว่ารถที่ใช้ระบบไฟฟ้าที่เห็นจะใช้ในหน่วยงานเล็ก ๆ คือวิ่งภายในบริเวณ หน่วยงานนั้น ๆ เป็นรถที่ใช้งานเฉพาะกิจเสียมากกว่า แต่ในปัจจุบันนี้ก็มีรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า 100 % เลยที่ใช้สำหรับใช้ในการทำงานหรือว่าการเดินทางในชีวิตประจำวันก็มีอยู่บ้างแล้วเป็นของบริษัทนิสสัน ในชื่อนิสสันไลฟ์ โดยจะ ต้องชาร์ตไฟฟ้าค้างคืนทั้งคืน แล้วจะสามารถใช้วิ่งได้ในตอนเช้า จะวิ่งได้ประมาณ 80 กิโล ไฟฟ้าก็จะหมด ก็ต้องนำมาชารต์ใหม่ เพราะฉะนั้นความจำกัดในเรื่องของรถที่ใช้พลังงาน ไฟฟ้าก็ยังมีจำกัดขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานจริง การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ บริษัท มาสด้ามอเตอร์คอร์เปเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทที่ค่อนข้างจะทำอะไรที่แหวกแนว คือเขาเตรียมเรื่องของรถยนต์แบบไฮบริดจ์กับรถยนต์ไฟฟ้าไว้แล้ว แต่กลับมองเห็นว่า เทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบเดิมยังพัฒนาไม่ถึงขีดสุดน่าจะยังสามารถพัฒนาได้อีก จึงคิดพัฒนาระบบเครื่องยนต์แบบเดิมแต่ทำให้ดีขึ้น ให้ประหยัดขึ้น ใช้วัสดุอะไรที่น้อยลง จนกลาย มาเป็นเทคโนโลยีรวม ๆ เรียกว่า SKY ACTIV และตอนนี้รถที่ใช้เทคโนโลยี SKY ACTIV ก็มีขายอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแล้ว แต่ในเมืองไทยคาดว่าน่าจะนำเข้ามาประมาณปลาย ปีนี้ องค์ประกอบหลักของเทคโนโลยี SKY ACTIV เทคโนโลยี SKY ACTIV มีตัวประกอบหลักอยู่ 3 เรื่องคือ 1.เรื่องตัวเครื่องยนต์ จะมีการพัฒนาเครื่องยนต์อยู่ 2 แบบ คือ SKY ACTIV ENGING G ตัว G ย่อมาจากคำว่า Gasoline เป็นเครื่องยนต์เบนซิน จุดเด่นของเครื่องยนต์ ตัวนี้บริษัท มาสด้า ผลิตออกมาเป็น Generation ใหม่ เป็นเครื่องยนต์ที่มีอัตรากำลังอัดสูงที่สุดในโลก โดยภาพรวมถือว่าตัวเครื่องยนต์จะลดอัตราการสิ้นเปลืองลงจากแบบเดิม แล้ว ก็เพิ่มแรงบิดสามารถที่จะทำให้รถขับเคลื่อนไปได้ดีโดยใช้น้ำมันน้อย เครื่องยนต์รุ่นใหม่ตัวนี้จะมีในญี่ปุ่นเป็นรถมาสด้าเคมิโอ้ ในเมืองไทยเราคือรถมาสด้า 2 ซึ่งในญี่ปุ่นได้ใช้ เครื่องยนต์ตัวใหม่แล้ว สามารถทำอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ดีมาก คือ 30 กิโลเมตร : ลิตร ตกกิโลละประมาณบาทเศษ ๆ ซึ่งใกล้เคียงกับรถยนต์ไฮบริดจ์ อาจจะสูงกว่านิด หน่อยกับของ TOYOTA PREAUS ในบ้านเรา คือใช้น้ำมันประมาณ 24 กิโลเมตร : ลิตร แต่ดูจากขนาดของรถยนต์ก็ต่างกัน เพราะรถมาสด้า 2 เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก แต่ของ PREAUS เป็นรถขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย
ยังมีเครื่องยนต์อีกแบบหนึ่งเขาเรียกว่า SKY ACTIV ENGING D เป็นเครื่องยนต์ดีเซล หลัก ๆ ของที่เขาปรับปรุงก็คือ เขาแหวกแนวไปเลย คือ เครื่องยนต์เบนซินโดยส่วน ใหญ่เขาพยายามจะพัฒนาให้มีอัตรากำลังอัดให้สูงมาก ๆ แต่ว่าของมาสด้า เขาทำให้อัตรากำลังอัดต่ำที่สุดในโลก ลงมาเหลือ 14 : 1 ทำให้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำลงเหลือ 20 % สมมุติจากเดิมเคยใช้น้ำมัน 100 ลิตร ถ้าใช้เครื่องยนต์ตัวนี้ จะใช้น้ำมันแค่ 80 ลิตร ก็จะวิ่งได้ระยะทางเท่ากัน โดยไม่มีผลกระทบต่อการเร่งหรือความเร็ว เพราะเขามี เทคโนโลยีที่จะปรับให้เครื่องยนต์ไม่น็อคเสียก่อน และค่ามลพิษในไอเสียเขาไปทดสอบแล้วผ่านมาตรฐานที่เข้มงวดของทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นที่อเมริกา แคนนาดา หรือที่ญี่ปุ่น เพราะ ฉะนั้นก็ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากอีกตัวหนึ่ง
2. เรื่องระบบขับเคลื่อน ระบบขับเคลื่อนหลัก ๆ จะเป็นเรื่องเกียร์ มีเกียร์อยู่ 2 แบบ คือ เกียร์อัตโนมัติกับเกียร์ธรรมดา หรือเกียร์ Manual สำหรับเกียร์อัตโนมัติเขาเรียก SKY ACTIV DRIVE โดยเขาจะปรับวิธีการที่จะถ่ายทอดแรงบิดจากเครื่องยนต์ให้ไปสู่ระบบการขับเคลื่อนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะฉะนั้นเมื่อเขาทำได้ดังนี้ อัตราการ สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็จะลดลงไปได้ประมาณ 4 7% เมื่อเทียบกับเกียร์อัตโนมัติ อีกตัวหนึ่งเป็นเกียร์ธรรมดา ก็คือ SKY ACTIV MT ย่อมาจากคำว่า Manual Transmitter หรือ Transmition สำหรับเกียร์ธรรมดาเขาทำให้มีขนาดเล็กและก็มีน้ำหนัก เบาลง มีระยะในการที่จะขยับคันเกียร์ให้สั้นและก็เบาลงแบบเดียวกับรถสปอร์ต ซึ่งจะเปลี่ยนเกียร์ได้เร็วมาก เพราะว่าช่วงเปลี่ยนเกียร์จะสั้นนิดเดียว ฉะนั้นเมื่อทำดังนี้แล้วก็จะทำ ให้ลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลงได้ 3. เรื่องของตัวถัง มี 2 แบบ คือ เทคโนโลยี SKY ACTIV BODY กับ SKY ACTIV ชัชซี ตัว SKY ACTIV BODY ทำตัวถังใหม่มีน้ำหนักเบาลง 80 % ก็จะวิ่งได้ดีขึ้น เรื่องความแข็งแรงเขาทำให้แข็งแรงกว่าเดิม 30 % การออกแบบชิ้นส่วนก็พยายามที่จะไม่ให้มีการเชื่อมต่อ พยายามจะหล่อให้เป็นชิ้นเดียวกัน ก็จะทำให้มีความแข็งแรงเพิ่ม มากขึ้น ส่วน SKY ACTIV ชัชซี ตัวโครงรวมทั้งระบบกันสะเทือนด้วย เขาก็ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงและมีน้ำหนักเบาขึ้น จากการปรับปรุงตัว BODY กับตัวชัชซีจะทำให้โดยร่วม รถจะมีน้ำหนักเบาลงไปถึง 14 % จากของเดิม เมื่อรถเบาลงแล้วเครื่องยนต์ก็มีกำลัง จะทำให้ประหยัดมากขึ้น นี่ก็คือเป็นเทคโนโลยีอย่างหนึ่งของยานยนต์ในปัจจุบันซึ่งเข้าใจว่ายัง ไม่มีบริษัทอื่นทำ เพราะว่าการผลิตการทำพวกนี้ต้องเสียเงินทำการวิจัยพัฒนาอยู่เป็นนานปี และก็มีการจดสิทธิบัตรด้วย ประโยชน์ที่จะได้รับในการใช้รถยนต์ 1. ทำให้โดยรวมของประเทศจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงหรือพลังงานลดลง เพราะตัวเครื่องยนต์และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ประกอบกันช่วยทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่อง ยนต์ รุ่นใหม่จะลดเรื่องมลพิษ นับว่าเป็นผลดีต่อการปรับสภาพอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอากาศในกรุงเทพฯ 2. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี SKY ACTIV จะอยู่ในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ แต่สำหรับท่านที่ยังใช้รถยนต์รุ่นเก่าอยู่ และคิดจะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์รุ่นใหม่พอดี ก็ถือว่า โชคดีได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ซึ่งเป็นการประหยัด ปลอดภัย และก็เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3. การประหยัด แต่ถ้าคุณยังใช้รถรุ่นเก่าอยู่ วิธีการใช้รถให้ประหยัดก็ควรจะได้วางแผนก่อนการเดินทาง ว่าจะไปเส้นทางไหน เลือกเส้นทางที่รถไม่ติด และเลือกเส้นทางที่สั้น ที่สุด อย่าบรรทุกของเยอะ จะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงาน ทำให้รถหนัก พยายามดูแลรักษาหมั่นเติมลมยางให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่าให้อ่อนเกินไป เพราะหน้ายางจะกดกับถนนมาก ทำให้รถแล่นไม่ปกติอาจจะทำให้ยางระเบิดได้ หรือถ้ายางแข็งเกินไปก็ไม่ดี จะทำให้ยางกระแทกกระทั้นและก็สะเทือนมาก 4. ใช้น้ำมันให้เหมาะกับเครื่องยนต์ ถ้ารถของเราระบุว่าสามารถใช้กับน้ำมันประเภทไหน E20 หรือ E85 ก็ควรจะใช้ตามที่ระบุไว้ เพื่อความประหยัดและก็ไม่ขับรถเร็วเกิน ไป หรือเร่งแซงบ่อยเกินไป ยิ่งขับรถเร็วก็ยิ่งสิ้นเปลืองน้ำมัน ขับประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามกฎหมายกำหนดดีที่สุดแล้วสำหรับการ ขับรถ ก็จะเป็นผลดีกับเงินของเราและ ก็ผลดีต่อประเทศด้วย
แม้จะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ทางที่ดีเราก็ควรจะเลือกใช้รถยนต์ให้เหมาะสม คือ เลือกเส้นทางที่การจราจรไม่หนาแน่น สิ่งของที่ไม่จำเป็นสำหรับรถก็อย่าใส่ไว้ในรถ ตรวจเช็คลมยางก่อนการเดินทาง เป็นขั้นตอนที่เราทุกคนสามารถนำมาปฏิบัติได้ ไม่ว่าจะมีเทคโนโลยีล้ำสมัยแค่ไหน ถ้าพฤติกรรมการใช้รถยนต์ของเรามีความเคร่งครัดต่อกัน อีก ทั้งเพื่อนร่วมถนนช่วยกันคนละนิด แบ่งปันน้ำใจกันบนท้องถนน แล้ว เทคโนโลยีล้ำสมัยเหล่านี้ก็จะตอบสนองเราบนถนนสีขาว ก็จะได้บรรยากาศที่มีสิ่งแวดล้อมสวยงามอยู่รอบ ๆ ตัวเราตลอดไป นางสาวเยาวลักษณ์
ศิริสุวรรณ
เรียบเรียง |