บทลงโทษแก่ข้าราชการกระทำผิดวินัย
โดย...คุณทัณดร  ธนกุลบริภัณฑ์
คณะกรรมการสอบสวนการกระทำความผิดทางวินัย
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

(เรียบเรียงเนื้อหาจากบทวิทยุกระจายเสียง ปี 2556)

ความหมายข้าราชการกระทำผิดวินัย
          ข้าราชการ คือ ข้าราชการทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย หรือข้าราชการที่ไปทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ ได้แก่ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาหรือข้าราชการ
อื่น ๆ ซึ่งมีอยู่ 5 ประเภท จะต้องประพฤติและปฏิบัติตนให้อยู่ในวินัย


ภาพจาก Web Site
http://www.ocsc.go.th/sites/default/files/field/image/2558-05-gov-officer_0.jpg
ข้อมูลภาพ ณ วันที่ 24-11-59

          ฉะนั้น คำว่าข้าราชการกระทำผิดวินัย วินัยก็คือ การควบคุมความประพฤติให้เป็นไปตามแบบแผน ที่กำหนดไว้ตามกฎหมายของแต่ละประเภท การกระทำผิดทั้งหลายก็ต้องมีบท
กำหนดไว้เป็นโทษ ถ้าไม่มีการกำหนดไว้ว่าเป็นโทษ ก็ไม่สามารถที่จะลงโทษได้

ความสำคัญของวินัยข้าราชการ
          วินัยข้าราชการพลเรือนถือเป็นสำคัญมาก ทุกคนที่เป็นข้าราชการจะต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือแบบแผนความประพฤติที่มีกำหนดไว้ให้พึงปฏิบัติเพราะข้าราชการ
คือ ผู้ที่ต้องรับใช้ประชาชน โดยใช้เงินภาษีของประชาชนเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง ข้าราชการทุกคนต้องรักษาระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด เพื่อจะทำให้งานในความรับผิดชอบเป็นประโยชน์
กับการบริหารราชการแผ่นดิน

ประเภทการกระทำผิดวินัย
          ลักษณะของการกระทำผิดวินัยของข้าราชการมี 2 ลักษณะคือ
          1. วินัยทางบวก คือ ในสิ่งที่ดีงามทั้งหลายมีการควบคุมความประพฤติให้ปฏิบัติถูกต้อง รวมถึงการสร้างสรรค์เจตคติ บรรยากาศที่ดีในการทำงาน
          2. วินัยทางลบ คือ วินัยที่เป็นการลงโทษเป็นบทลงโทษ ถ้าไม่ทำไปขัดต่อกฎ ระเบียบ ก็จะมีการลงโทษอยู่ 5 ประเภท คือ ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดเงินเดือน ปลดออก และไล่ออก
การลงโทษประเภทปลดออก และไล่ออก จะหมดสภาพของการเป็นข้าราชการถือเป็นความผิดร้ายแรง แต่อย่างไรก็ต้องถูกลงโทษ การปลดออกยังมีสิทธิที่จะได้รับบำเหน็จบำนาญ แต่ถ้า
ไล่ออกจะไม่มีสิทธิได้รับอะไรเลย ภาคทัณน์ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน จะเป็นความผิดไม่ร้ายแรง


ภาพจาก Web Site
http://4.bp.blogspot.com/-hfyI78f3Vgc/UKHb41ilyRI/AAAAAAAAAC8/y6dgUf9vwWw/s380/tortClaim_lg.jpg
ข้อมูลภาพ ณ วันที่ 24-11-59

ข้อควรปฏิบัติ
          ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนปี 2551 หรือปีล่าสุด 2557 ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษากำหนดไว้ในระเบียบว่า ต้องปฏิบัติ ต้องซื่อสัตย์สุจริต เที่ยงธรรม
ปฏิบัติให้เป็นไปตามแบบแผน กฎหมาย ตามมติ ครม. และตามนโยบายของรัฐ และแบบแผนของทางราชการที่ปฏิบัติกันมา ข้าราชการต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลดีแก่หน้าที่ด้วยความตั้ง
ใจเอาใจใส่ ที่สำคัญต้องรักษาผลประโยชน์ทางราชการ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยชอบ รักษาความลับของทางราชการ ต้องอุทิศเวลาให้กับราชการ ไม่ทอดทิ้งหรือละทิ้ง
หน้าที่ไป ต้องรักษาชื่อเสียงของตน รักเกียรติภูมิของการเป็นข้าราชการ

ข้อห้ามปฏิบัติ
          ในปัจจุบันนี้การบริหารราชการนิยมใช้ระบบ Flat คือ ระบบราบซึ่งเป็นการสั่งตรงหมด ฉะนั้นข้าราชการต้องไม่กระทำ ดังนี้ ต้องไม่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือว่ามีความผิด
ไม่กระทำการข้ามขั้นที่กฏหมายกำหนดไว้ ข้าราชการต้องไม่เอาตำแหน่งหน้าที่ไปหาผลประโยชน์ใส่ตน ต้องไม่ประมาทเลินเล่อ ไม่เอาตัวเองไปช่วยคนอื่นเพื่อไปหาผลประโยชน์ให้คน
อื่น ไม่เป็นกรรมการผู้จัดการ หรือเป็นกรรมการในห้างหุ้นส่วนจำกัดต่าง ๆ ตามที่กฎหมายห้าม ไม่ละเมิดสิทธ์ส่วนบุคคล ไม่คุกคามทางเพศ ไม่ดูหมิ่นเหยียดหยามประชาชน การทำความ
ผิดเหล่านี้ถือเป็นวินัยร้ายแรงตามแต่โทสานุโทษ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ โดยทุจริต ทอดทิ้งงานโดยไม่มีเหตุอันควร ละทิ้งหน้าที่ ได้ชื่อว่าประพฤติชั่วร้ายแรง เมาสุราอาละวาด
ขณะปฏิบัติหน้าที่ ดูหมิ่นเหยียดหยาม ทำร้ายประชาชน กระทำผิดอาญาจนถูกลงโทษจำคุก ละเว้นไม่กระทำการอันควรทำ และไม่ทำและเกิดความเสียหาย
          พระราชบัญญัติเพิ่มเติมสำหรับข้าราชการพลเรือนสถาบันอุดมศึกษาปี 2547 กำหนดไว้ในระเบียบว่า ไม่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ไม่กลั่นแกล้งดูหมิ่นเหยียดหยาม กดขี่ข่มเหง
ผู้ร่วมปฏิบัติงาน ไม่กลั่นแกล้งนักเรียน นักศึกษา ประชาชน


ภาพจาก Web Site
https://new.forest.go.th/chiangmai1/wp-content/uploads/sites/38/2016/03/75520.jpg
ข้อมูลภาพ ณ วันที่ 24-11-59

การตรวจสอบความผิดของข้าราชการ
          คำว่าข้าราชการ หมายถึง ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการในมหาวิทยาลัยและอื่น ๆ ถ้าพบการกระทำความผิด หน่วยงานก็จะส่งเรื่องไปให้ตรวจสอบการกระทำความผิดที่กองนิติการ
แล้วเสนอเรื่องต่อไปยัง กพอ. กระทรวงจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนการกระทำความผิด และอาจจะพิจารณาที่จะเลือกบุคคลภายนอกหน่วยงานต่างกรม ต่างกระทรวงเข้ามาเป็นกรรมการ
ร่วมได้ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกระบวนการ หลังจากที่ถูกตัดสินลงโทษแล้ว ถ้าไม่พอใจสามารถจะขออุธรณ์ได้ภายใน 30 วัน 60 วัน หรือ 90 วัน แล้วแต่โทษานุโทษที่จะได้รับ และก็
มีศาลปกครองจะเป็นส่วนสุดท้ายของข้าราชการ ถ้าถูกไล่ออก ปลดออก รู้สึกว่าไม่เป็นธรรม ก็ร้องเรียนได้ในกรม ในกระทรวงแล้วไม่สำเร็จ ก็ไปร้องที่ศาลปกครองขอความเป็นธรรมได้
เพราะศาลปกครองพิจารณาคดีที่เกี่ยวกับการปกครอง การสั่งการต่าง ๆ ของหัวหน้า ถือว่าศาลปกครองเป็นขั้นตอนสิ้นสุดทุกอย่างตรงนั้น ถือว่าศาลปกครองเป็นที่พึ่งสุดท้ายของข้าราชการ
ที่ถูกร้องเรียน
           ฉะนั้น คนที่จะสอบเข้ามารับราชการควรจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ กฎ ระเบียบ ของ กพ. เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการมีวินัยคือการทำให้การปฏิบัติงานของบุคคลนั้นหรือว่าองค์กรสำเร็จ
ลุล่วงไปด้วยดี หากกระทำผิดวินัยก็ถือว่าหรือว่าใช้สิทธิประโยชน์มิชอบ ปฏิบัติการโดยมิชอบ เป็นการสร้างปัญหาให้กับตัวเอง เพื่อนร่วมงาน หน่วยงาน และประชาชนผู้ได้รับความเดือด
ร้อนจากผลของการกระทำ ควรจะศึกษาระเบียบต่าง ๆ มาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกฎ กพ. พรบ. ที่ต้นสังกัดอยู่ พรบ. ข้าราชการครู พรบ. การศึกษา พรบ. พลเรือนในมหาวิทยาลัย หรือระเบียบ
ข้าราชการพลเรือน ดังภาษิตโบราณของไทยที่ว่า ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน ก็ยังสามารถนำมาใช้กับชีวิตทุกวันนี้ของเราได้อยู่เสมอ






นางสาวเยาวลักษณ์ ศิริสุวรรณ  เรียบเรียง
(เรียบเรียงเนื้อหาจากบทวิทยุกระจายเสียง ปี 2556)
กลุ่มที่ 1 พัฒนาคุณภาพชีวิต
กลุ่มรายการที่ 1/38-56
CD-A1(4/5)-56