7 ข้อ เด็กจบใหม่ควรรู้ก่อนเริ่มทำงาน
โดย...คุณปิยะพร   แดนเพชรพลอย
อาชีพ Executive Assistant
แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
อีเมล์ : ichi-ji@hotmail.com

(เนื้อหาและภาพประกอบเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน)


          
ช่วงต้นปีนี้เป็นฤดูแห่งกาลหางานของเด็กจบใหม่ แต่แน่นอนว่าคำถามแรกๆที่หลายคนมีในใจคือ แล้วจะต้องเริ่มหางานอย่างไร ? เดินเข้าไปที่บริษัทเองได้มั้ย ?
ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ? ชีวิตดูเปลี่ยนไปมาก มึนๆงงๆ ลองผิดลองถูกกันไป แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเวลาไปลองผิดลองถูกแล้วล่ะก็ลองอ่านบทความนี้ดูก่อนเพื่อจะได้เตรียมตัว
ได้อย่างเหมาะสม ไม่แน่ว่าสมัครที่แรกอาจได้งานเลยก็เป็นได้ !

ภาพจากเว็บไซต์
http://www.outloei.com/job-loei.html

ข้อมูลภาพ ณ วันที่
7-2-59

          1. หางานจากไหน ? หลักๆ เลย คือดูในเว็บไซต์ ซึ่งเว็บหางานดังๆก็จะมีพวก www.jobsdb.com, www.jobtopgun.com หรือ เราสามารถฝากประวัติไว้กับ
recruitment agency อย่างเช่น adecco, JAC ซึ่งเค้าจะช่วยเราหางานให้โดยเค้าจะเก็บเงินกับบริษัท ไม่ได้มาหักเงินกับเรา นอกเหนือจากนี้ อีกเว็บนึงที่จะแนะนำคือ
www.indeed.com ซึ่งเป็นเว็บที่รวมหลายๆงานของหลายเว็บไซต์รวมกันแล้ว ช่วยให้เราประหยัดเวลาได้มากขึ้นด้วย

          2. resume หรือ CV คืออะไร ? ตอบง่ายๆเลยว่ามันก็คือใบสมัครที่เราทำเอง ออกแบบเอง โดยมีข้อมูลพื้นฐานของเรา เช่นข้อมูลสำหรับการติดต่อ ประสบการณ์
ของเรา เรามีทักษะอะไรบ้าง ได้ภาษาอะไร ใช้โปรแกรมอะไรเป็นใส่มาให้ตรงกับตำแหน่งที่เราสมัคร สำหรับเด็กจบใหม่ยังไม่เคยทำงานก็ใส่ไปเลยว่าเคยทำกิจกรรมอะไร
ได้ทักษะอะไรมาบ้างเช่น การทำงานเป็นทีม การประสานงาน หรือเขียนชื่อวิชาที่เราเรียนแล้วมองว่าเกี่ยวข้องกับงานนั้น สรุปง่ายๆคือต้องทำตัวเองให้ดูแตกต่างจากเด็กจบใหม่
คนอื่น ต้องขายจุดเด่นของตัวเองลงในกระดาษแผ่นเดียว

          3. Covering Letter จำเป็นมั้ย ? อันนี้มีหรือไม่มีก็ได้ เพียงแต่ถ้ามีมันก็คือการสรุปข้อมูลของเราที่เด่นๆ และตรงกับงานลงไปให้ฝ่ายบุคคลดูเพื่อประหยัดเวลา
แต่ฝ่ายบุคคลจะสนใจหรือไม่ อันนี้แล้วแต่บริษัทด้วย

          4. walk in ดีมั้ย ? แนะนำให้โทรไปถามก่อนว่าสามารถเดินเข้าไปสมัครงานเลยได้มั้ย บางครั้งการ walk in ก็มีข้อดี เช่น ในresume เราอาจดูไม่เด่น เขียนข้อดีไว้
ไม่ครบ ฝ่ายบุคคลหรือฝ่ายงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สนใจเรา แต่พอ walk in ไปแล้ว ลองสัมภาษณ์ดูแล้วน่าสนใจก็ได้งานได้เหมือนกัน แต่บางครั้ง บริษัทนั้นอาจมีระบบวางไว้แล้ว
ไปแล้วก็ไม่ได้สัมภาษณ์ ต้องทำตามขั้นตอนไป

           5. ตอนส่งเมลส่งยังไง ? ไม่ใช่ส่งไปโท่งๆเลย ขึ้น no subject ฝ่ายบุคคลเค้าอาจจะไม่สนใจเมลเราได้ เขียนหัวข้อเรื่องสักนิดว่าส่งมาสมัครงานตำแหน่งอะไร
แล้วข้างในก็บอกรายละเอียดคร่าวๆว่า มีประสบการณ์อะไรที่ตรงบ้าง เช่นเคยฝึกงานด้านนี้มา หรือเรียนวิชานี้แล้วมันตรงกับตำแหน่งงาน สัก2-3 บรรทัด เพื่อดึงความสนใจ

           6. Job Fair คืออะไร ? จะรู้ได้ไงว่ามีจัดตอนไหน? สั้นๆเลย Job Fair คือศูนย์รวมบริษัทที่มาออกงานเพื่อหาคนเข้าทำงาน เริ่มแรกอาจจะหางานที่จัดตาม
มหาวิทยาลัยเพราะเน้นรับเด็กจบใหม่มากกว่า แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเค้าจะจัดตอนไหน อันนี้แนะนำให้ search ใน google พิมพ์คำหลักๆเช่น "job fair 2016 มหาลัย" เป็นต้น
หรือค้นใน www.jobtopgun.com เพราะเค้ามักจะประสานงานมาเป็นผู้จัดบูธตามมหาลัย จะได้ไม่พลาด job fair ดีๆ ไป

ภาพจากเว็บไซต์
http://www.eng.kmutt.ac.th/en/node/195
ข้อมูลภาพ ณ วันที่
7-2-59

          7. เรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดี ? อยากจะเตือนอีกนิดว่า อย่าลืมว่าเรายังไม่มีประสบการณ์ เงินเดือนเริ่มแรกอาจต่อรองได้ไม่มาก เพราะเค้าถือว่าเค้ายังต้องเสียเวลา
มาสอนเราอีกเยอะ และอย่านึกถึงแต่เงินเดือน เพราะบางที่อาจให้ไม่เท่าที่อื่นแต่ถ้าเทียบสวัสดิการแล้ว ดีกว่ามาก

          ง่ายๆเลยจากที่อ่านไป สิ่งที่สำคัญที่สุดในการหางานคือคิดว่าเราเป็นสินค้า เราขายของให้บริษัท เค้าก็ต้องดูว่าเราน่าสนใจมั้ย จ่ายไปคุ้มมั้ย ดังนั้น มีจุดเด่นอะไรในตัว
ที่เกี่ยวข้องกับงาน ใส่ไปให้ครบ เพราะงานดีๆคงไม่เดินเข้ามาหาเรา เราต้องเดินเข้าไปหางานดีๆเอง

 


เอกสารอ้างอิง
...........................................................................................................................

http://news.mthai.com/hot-news/news-clips/436603.html
http://www.stjohn.ac.th/University/Guidance/gan-tream-kwam-phraom.htm
http://www.preechapat-sata.com/%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87/