หรือว่าโรคโปลิโอจะกลับมาระบาดอีกครั้ง
โดย...นายธนะพัฒน์  เพชรกล่อง
อาชีพปัจจุบัน แพทย์ประจำคลินิกชุมชนอบอุ่นเทศบาลนครแม่สอด
ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
อีเมลล์ : phetklong2011@gmail.com

(เนื้อหาและภาพประกอบเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน)



          เมื่อเร็วๆนี้ทุกท่านคงได้ยินข่าวเกี่ยวกับการพบผู้ป่วยโรคโปลิโอ ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับไทย ซึ่งเชื้อโปลิโอ
ที่ก่อให้เกิดโรคครั้งนี้เป็นสายพันธุ์ที่ใช้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอในอดีต แต่ในปัจจุบันมีการตรวจพบว่าสายพันธุ์ดังกล่าวเกิดการกลายพันธุ์ และก่อให้เกิดโรค และเชื้อที่
กลายพันธุ์ดังกล่าวเคยเกิดการระบาดในยูเครนและมาลีมาก่อนหน้านี้ ทำให้องค์การอนามัยโลกและประเทศต่างๆตื่นตัวมากขึ้นและเตรียมหาทางรับมือกับโรคโปลิโอชนิดนี้
แล้วสำหรับเราซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านกับ สปป.ลาว จะมีอาการเตรียมรับมือกับปัญหานี้อย่างไร
          ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโรคและประเทศสมาชิกมีเป้าหมายที่จะกวาดล้างโรคโปลิโอให้หมดสิ้นไปจากโลกใน พ.ศ.2561 โดยใช้มาตรการหลักที่สำคัญคือการเฝ้าระวัง
ผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียกอย่างเฉียบพลัน ร่วมกับมาตรการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค แต่อาจไม่เป็นไปดังอย่างคาดหวังเนื่องจากยังพบการระบาดของโรคโปลิโอ
เป็นระยะ ครั้งนี้เรามารู้จักกับโรคโปลิโอกันให้มากขึ้นรวมถึงวิธีป้องกัน
          โรคโปลิโอ เป็นโรคที่มีการทำลายระบบประสาทควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อโดยเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า โปลิโอ พบการติดเชื้อได้บ่อยในเด็กเล็กโดยเฉพาะอายุน้อยกว่า 5 ปี
เชื้อโรคสามารถติดต่อได้โดยการกิน ผ่านทางอาหาร น้ำมูก น้ำลาย เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่ไม่มีภูมิต้านทาน ตัวเชื้อโรคจะเข้าไปเพิ่มจำนวนที่คอหอย และลำไส้ หลังจาก
นั้น 2-3 วันต่อมาจะกระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลือง และเข้าสู่กระแสเลือดทำให้เกิดอาการไข้ บางส่วนจะกระจายสู่ไขสันหลังและสมองทำให้เกิดการอักเสบและการทำลายของระบบ
ประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตและฝ่อในที่สุด
          ลักษณะอาการของโรคโปลิโอ มีได้หลายรูปแบบ ร้อยละ 95 ของผู้ติดเชื้อโปลิโอจะไม่มีอาการแสดงใดๆ แต่สามารถที่จะแพร่เชื้อโดยผ่านสารคัดหลั่งต่างๆเช่น น้ำลาย น้ำมูก และทางอุจจาระ ประมาณร้อยละ 4-5 จะมีอาการไม่รุนแรงอาจมีอาการคล้ายไข้หวัด ไข้ต่ำๆ 2-3 วัน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ปวดศีรษะ เจ็บคอ หลัง
จากนั้นจะหายเป็นปกติดีอย่างรวดเร็วภายใน 2- 4 วัน โดยไม่มีอาการของกล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียกเฉียบพลัน ประมาณร้อยละ1 จะมีอาการแบบเยื้อหุ้มสมองอักเสบ จะพบมีอาการ
คอแข็ง หลังแข็ง ปวดตามกล้ามเนื้อแขนขา ต้นคอ และหลัง อาการต่างๆเหล่านี้อาจเป็นอยู่ 2-10 วัน แล้วหายเป็นปกติ ประมาณร้อยละ 0.1-2 เท่านั้นที่จะมีอาการของกล้ามเนื้อ
อ่อนปวกเปียกเฉียบพลัน ในรายที่อาการรุนแรงอาจมีผลทำให้กล้ามเนื้อหายใจไม่ทำงาน ไม่สามารถหายใจได้เองและอาจเสียชีวิตได้ถ้าไม่ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจในรายที่มีกล้าม
เนื้ออ่อนปวกเปียกเฉียบพลัน เมื่อหายจะทิ้งความพิการหลงเหลือไว้ ทำให้ผู้ป่วยมีกล้ามเนื้อลีบ ไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนใหญ่มักเป็นที่กล้ามเนื้อต้นขาหรือต้นแขนมากกว่ากล้าม
เนื้อส่วนปลาย มักเป็นข้างเดียวมากกว่า 2 ข้าง โดยไม่มีผลต่อระบบประสาทรับความรู้สึก
          สำหรับการรักษา ปัจจุบันยังไม่มียาที่จำเพาะต่อโรคโปลิโอ ส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ ให้ยาลดไข้ แก้ปวด ในกรณีที่มีอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อแขนขา อาจใช้ผ้า
ชุบน้ำอุ่นประคบ รวมถึงการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นเช่น แผลกดทับ ปอดอักเสบ ที่เหลือจะเป็นการรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพของกล้ามเนื้อและการฟื้นฟูทางด้านจิตใจ

ภาพจากเว็บไซต์
https://www.doctor.or.th/article/detail/5105

ข้อมูลภาพ ณ วันที่
19-2-59


          การป้องกันที่ทางภาครัฐจัดให้ปัจจุบันคือการรณรงค์ให้เด็กไทยทุกคนได้รับวัคซีนครบตามที่กำหนด ปัจจุบันวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอมี 2 ชนิดคือวัคซีนโปลิโอชนิดรับ
ประทาน (เป็นวัคซีนเชื้อเป็น แต่ทำให้อ่อนฤทธิ์ลง จนไม่สามารถก่อโรคได้ แต่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรค) สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ทั้งในเลือดและลำไส้ และภูมิที่
เกิดขึ้นอยู่นานตลอดชีวิต ส่วนชนิดที่ 2 คือวัคซีนโปลิโอชนิดฉีด(เป็นวัคซีนเชื้อตาย) เมื่อฉีดจะกระตุ้นให้เกิดภูมิขึ้นในเลือด แต่ภูมิคุ้มกันที่ลำไส้จะเกิดขึ้นน้อย ทำให้ผู้ที่ได้รับ
วัคซีนชนิดฉีดเพียงอย่างเดียว สามารถติดเชื้อโปลิโอจากธรรมชาติได้ โดยที่ไม่มีอาการเจ็บป่วย แต่มีโอกาสที่เชื้อโรคเข้าไปเพิ่มจำนวนที่ทางเดินอาหาร ขับถ่ายออกมาทาง
อุจจาระ และแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขจึงกำหนดให้เพิ่มการให้บริการวัคซีนโปลิโอชนิดฉีด 1 เข็มแก่เด็กอายุ 4 เดือน ร่วมกับการให้วัคซีนโปลิโอชนิด
กินตามกำหนดปกติ

ภาพจากเว็บไซต์
http://www.hfocus.org/content/2015/05/10071
ข้อมูลภาพ ณ วันที่ 19-2-59

 

          สำหรับประชาชนอย่างเราๆจะมีส่วนช่วยในการป้องกันการแพร่กระจายและการป้องกันไม่ให้เกิดโรคโปลิโอได้อย่างไร คงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจอยู่ใช่ไหมครับ
สำหรับการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในขณะนี้คงหนีไม่พ้น 4 วิธีใหญ่ๆดังต่อไปนี้
          1. การพาบุตรหลานในความดูแลทุกคน คงต้องเน้นย้ำว่าทุกคน เข้ารับวัคซีนตามโปรแกรมอย่างเคร่งครัดเพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในขณะนี้ สำหรับการให้วัคซีนป้องกันจะให้
ทั้งหมด 5 ครั้งเมื่ออายุ 2 , 4 , 6 และ 18 เดือน หลังจากนั้นจะมีการให้กระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 4 ปี และไปรับวัคซีนทุกครั้งที่มีการรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันโรค
          2. ป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายของโรค ด้วยการรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่สะอาด ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร ขับถ่ายอุจจาระลงส้วมที่สร้างขึ้น
อย่างถูกสุขลักษณะและล้างมือทุกครั้งหลังเสร็จกิจ
          3. สำหรับผู้ที่คิดจะจ้างแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะแรงงานที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านอาจต้องตรวจสอบประวัติการได้รับวัคซีน การตรวจโรคตามที่ทางการกำหนด และ
ทางที่ดีควรเป็นแรงงานที่รับอนุญาตถูกต้องตามกฏหมาย นอกจากจะมีความปลอดภัยแล้ว ยังปลอดจากโรคด้วย
          4. เฝ้าติดตามข่าวทางด้านสาธารณสุขเป็นประจำ ซึ่งจะทำให้เราได้ข้อมูลที่รวดเร็ว ถ้าเกิดข้อสงสัยก็ควรไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน อนามัยส่วน
บุคคลและอนามัยสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เป็นเพียงการป้องกันเฉพาะโรคโปลิโอเท่านั้น ยังใช้ป้องกันโรคติดเชื้ออื่นๆได้อีกด้วย เพียงเราทำจนเป็นนิสัย เราก็จะห่างไกลจากโรคติดต่อ
ได้หลายชนิดเลยทีเดียว





เอกสารอ้างอิง
...........................................................................................................................

1. จุฑารัตน์ เมฆมัลลิกาและคณะ.โรคติดเชื้อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน
2. ชิษณุ พันธุ์เจริญและคณะ.คู่มือ vaccine 2013และประเด็นการสื่อสาร
3. https://www.doctor.or.th/article/detail/5105 .การฟื้อฟูสมรรถภาพในเด็กที่เป็นโรคโปลิโอ
4. สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค.โรคโปลิโอ