เลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นเด็กที่มีความสุข ?
โดย...คุณปิยะพร  แดนเพชรพลอย
อาชีพ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล
จตุจักร  กรุงเทพฯ
อีเมล์ : ichi-ji@hotmail.com

(เนื้อหาและภาพประกอบเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน)

 

         อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกของเรา? การเรียนโรงเรียนดีๆ จะได้มีความรู้เยอะๆ มีสังคมดีๆ หรือการประสบความสำเร็จในชีวิต มีเงินมากมาย ? สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ได้
การันตีได้ว่าเขาจะมีความสุขกับชีวิต แล้วเราต้องเตรียมการอย่างไรถึงจะทำให้เด็กมีความสุข ลองมาหาคำตอบกันเลย !

1. ต้องทำตัวเราเองให้มีความสุขก่อน
          โดยปกติแล้ว ผู้ใหญ่มักไม่รู้ตัวว่าอารมณ์ของพวกเขา มีผลกระทบกับเด็กมากแค่ไหน ผู้ใหญ่ที่ไม่มีความสุข มีอารมณ์เศร้า โกรธ มักจะใช้อารมณ์กับเด็ก และเด็กเองก็
จะเรียนรู้ ซึมซับและสะท้อนออกมาแบบนั้น สิ่งที่ต้องระวังคือสิ่งที่เราถ่ายทอดให้เด็กไปใน 5 ปีแรกมักจะติดตัวเขาไปตลอด และมันอาจจะวนเวียนไปสู่รุ่นหลานไปเรื่อยๆ ดังนั้น
เราต้องหยุดอารมณ์เชิงลบที่ตัวเราก่อน มิฉะนั้นมันจะหลายเป็นวงจรหมุนเวียนต่อไปรุ่นสู่รุ่น

2. สอนให้เด็กรู้จักสร้างความสัมพันธ์
          ทุกคนคงจะเห็นด้วยว่าการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญ แต่จะมีสักกี่คนที่สอนลูกให้รู้จักสร้างความสัมพันธ์ โดยการให้ลูกได้มีโอกาสอยู่กับเพื่อนๆบ้าง
ได้มีโอกาสเรียนรู้ แลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆกับเพื่อนๆ บางครั้งอาจจะสอนให้เค้าเรียนรู้ว่า เพื่อนของเขากำลังมีอารมณ์อะไรเพราะอะไร เช่น เขากำลังเศร้า เพราะหมาที่บ้านเพิ่งเสียไป
          นอกจากนี้ยังอาจสอนให้ลูกเล่นทำงานกันเป็นทีมเมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมเช่น บอกให้ลูกช่วยเก็บของเล่นตรงนี้ออกไปก่อน จะได้มีพื้นที่สำหรับจัดวางของว่างสำหรับกิน
ด้วยกัน

3. คาดหวังความพยายาม ไม่ใช่คาดหวังความสมบูรณ์
          พ่อแม่ที่มุ่งเน้นไปที่การประสบความสำเร็จในชีวิตของลูกมักจะเผลอไปกดดันลูกมากเกินไปทำให้ลูกมีความเครียด มีความกังวลสูง ดังนั้นสิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือมุ่งเน้นไปที่
การชมในความพยายามของลูก
          มีตัวอย่างงานวิจัยออกมาว่า กลุ่มที่พ่อแม่ชมลูกว่าเก่ง ฉลาด เด็กจะเลือกต่อตัวต่อชิ้นง่ายๆ เพราะพวกเข้าจะกลัวว่าถ้าพลาดขึ้นมาจะไม่ได้รับคำชมว่า “ฉลาด” อีก แต่กลุ่ม
ที่พ่อแม่ชมเด็กที่ความพยายาม พวกเขาจะพยายามต่อตัวต่อที่ยากขึ้นไปเรื่อยๆ

4. สอนให้รู้จักมองโลกในแง่บวก
          การมองโลกในแง่ดีนั้นใกล้เคียงกับการก่อให้เกิดความสุขมาก เพราะเด็กที่มองโลกในแง่ดีมักจะประสบความสำเร็จมากกว่า มีสุขภาพดีกว่า พึงพอใจกับคู่แต่งงานของตน
มากกว่า และจัดการกับความกังวลใจได้มากกว่า อีกทั้งการสอนให้ลูกมองโลกในแง่ดีเป็นการช่วยให้เด็กปรับตัวได้ เพราะหลายสิ่งหลายอย่างไม่สามารถปรับได้ที่คนอื่น แต่ต้องปรับ
จากมุมมองของตัวเราเอง เมื่อเด็กคิดบวกได้ ไม่มองแต่ด้านไม่ดี ก็จะทำให้เขามีความสุขได้


ข้อมูลภาพ ณ วันที่
16-3-59


5. สอนให้มีวุฒิภาวะด้านอารมณ์ (EQ)
          EQ ไม่ใช่สิ่งที่มีมาตั้งแต่เกิด แต่เป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องสอนเป็นอย่างแรกคือ ชี้แนะให้เห็นถึงอารมณ์ที่เขารู้สึกอยู่ตอนนี้ เช่นเขากำลังมีความกังวลใจ มีความโกรธ
อยู่ และอธิบายว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเขารับรู้อารมณ์ตัวเองได้ เขาก็จะเข้าใจและยอมรับมัน และจะค่อยๆสงบ เพราะเขารู้ทันอารมณ์ตัวเองแล้ว
เช่น เขาโกรธอยู่ เขารู้ว่าเขาโกรธ ถ้าพูดต่อไปอาจจะแสดงกิริยาที่ไม่ดีออกมาด้วย เขาก็เลือกที่จะหยุดมันซะ ทำให้เหตุการณ์สงบได้

6. ให้มีเวลาเล่นมากขึ้น
          ให้เวลากับเด็กได้ออกไปเล่นข้างนอกบ้าน หรือเล่นอะไรง่ายๆมากขึ้น ถ้าเด็กมัวแต่เรียน สิ่งที่เขาเรียนรู้คือเนื้อหาของหนังสือ แต่ไม่ได้ฝึกปรับตัวกับคนอื่น ซึ่งอาจทำให้สูญเสีย
โอกาสในการเรียนรู้ได้

7.สร้างสภาพแวดล้อมที่ให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะมีความสุข
          มีงานวิจัยว่า เด็กที่ดูทีวีมากจะมีความสุขน้อยกว่า ซึ่งจริงๆงานวิจัยไม่ได้บอกว่าทีวีทำให้เด็กไม่มีความสุข แต่ที่เรารู้แน่ๆคือ ทีวีทำให้เด็กไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมที่สร้าง
ความสุข กิจกรรมที่ช่วยให้เด็กพัฒนา ดังนั้นเราควรสนับสนุนให้เขาได้ทำกิจกรรมอื่นๆแทน

8. กินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน
          มีงานวิจัยว่า การที่ครอบครัวนั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน จะทำให้เด็กมีปัญหาสังคมน้อยกว่า ติดเหล้าน้อยกว่า มีปัญหาการกินมากเกินไป น้อยกว่า เพราะการกินพร้อม
หน้าพร้อมตากัน ทำให้เด็กรู้สึกมีอารมณ์ร่วม อยากกินข้าว อยากร่วมพูดคุยกัน


ข้อมูลภาพ ณ วันที่
16-3-59

เรามักจะหาข้อแนะนำสำหรับสุขภาพที่ดีของเรา สิ่งที่ทำให้เจริญก้าวหน้าในงาน
แต่อย่าลืมว่าครอบครัวของเราก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องให้ความใส่ใจด้วยเช่นกันเพราะมันเปรียบเหมือนเป็นงานที่สำคัญที่สุดในบ้านของเราเช่นกัน






เอกสารอ้างอิง
...........................................................................................................................

http://www.livescience.com/17894-10-scientific-parenting-tips.html
http://www.parents.com/toddlers-preschoolers/development/fear/raising-happy-children/
http://time.com/35496/how-to-raise-happy-kids-10-steps-backed-by-science/