ชนะโรคร้ายด้วยการปฏิวัติชีวิต
โดย...นายแพทย์บุญชัย  อิศราพิสิษฐ์
ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเวลเนสซิตี้

(เรียบเรียงเนื้อหาจากบทวิทยุกระจายเสียง ปี 2557)

          การดำเนินชีวิตที่ไม่ถูกต้องจะทำให้เป็นโรคยอดฮิต โรคแรกโรคอ้วน โรคที่สองคือโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดผิดปกติ โรคตับอักเสบเรื้อรังและโรคสุดท้ายคือโรคเลือดข้น
โรคพวกนี้ไม่มียารักษาต้องกินยาไปเรื่อยๆ การเป็นผู้ป่วยถาวรจะมีผลตามมาคือมีความพิการรออยู่ข้างหน้า การดำเนินการของโรคในที่สุดอาจจะเสียชีวิตด้วยการเจ็บป่วยและมีความพิการต่างๆ ต้องหา
วิธีการรักษาแบบใหม่ที่ไม่ต้องใช้ยาและต้องสามารถทำให้โรคนี้หายไปได้


ภาพจาก Web Site
http://www.paolohospital.com/home/wp-content/uploads/2015/10/NCDs-1-1.jpg
ข้อมูลภาพ ณ วันที่ 28-4-60

          ขั้นตอนปรับเปลี่ยนชีวิตตนเอง สิ่งแรกถ้าต้องการให้โรคพวกนี้หายไปโดยไม่ใช้ยา ต้องใช้ชีวิตเหมือนในอดีตดั้งเดิม เริ่มเรื่องการออกกำลังกาย จะมีอาหารมารับประทานได้ต้องออกแรง ถึงเวลา
หัวค่ำสักพักนอน ต้องนอนให้เป็นเวลา ส่วนความเครียดต้องปรับสภาวะจิต สภาวะการดำเนินชีวิตให้ความเครียดลดลง สุดท้ายเป็นเรื่องของ อาหารการกินสรุปง่ายๆ ปัจจุบันไม่ได้กินตามธรรมชาติ คือ
อาหารดิบ เช่น กินผักดิบ กินผลไม้ ผักผลไม้ดิบมาเป็นอาหารนำร่อง นำมาปั่น ผักดิบสามารถปั่นได้ ถ้าเป็นผลไม้ปั่นเป็นเนื้อข้นๆดื่ม เรื่องปรุงรสชาติอย่าให้หวานมาก เค็มมาก หรือการไม่ใช้น้ำมันทอดทำ
อาหารให้สุกจากน้ำ หรือเป็นการต้ม นึ่ง ลวก การทำตามแนวคิดนี้ โรคเบาหวานลง ความดันโลหิตเริ่มลดลง ไขมันในเลือดเริ่มปกติขึ้น ตับอักเสบลดลง เลือดข้นซึ่งสาเหตุไม่รู้แต่ก็จะได้ดีขึ้น และถ้าปฏิบัติ
ตลอดไปอาการของโรคจะหาย สิ่งสำคัญต้องใช้เวลาและความตั้งใจอย่างจริงจัง เพราะการกินยามากๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะก่อให้เกินผลเสียตับโดยทำลาย ไตให้มีสภาพที่เตรียมพร้อมจะพิการ ซึ่ง
ที่รอดพ้นจากสภาวะนี้ได้เพราะใช้แนวคิดที่กลับเข้าหาวิธีตามธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์แล้วนำกรรมวิธีง่ายๆไม่ยุ่งยากซับซ้อนมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต


ภาพจาก Web Site
http://www.dmthai.org/sites/default/files/article-20140218-131657_0.jpg
ข้อมูลภาพ ณ วันที่ 28-4-60

          หลักในการรับประทานอาหารที่ทำให้สุขภาพดีที่สุดอย่ากินเต็มอิ่ม ประมาณสัก 80 เปอร์เซ็นต์ ของความอิ่ม กินอิ่มแบบสบายหลวมๆ เริ่มด้วยอาหารธรรมชาติก่อนคือผัก ผลไม่ที่ไม่หวาน ขอให้เป็น
ของสดและครึ่งหนึ่งของความอิ่ม รูปแบบอาจจะแบ่งเฉลี่ยบ้าง นำไปปั่นบ้างหรือกินสด กินเป็นผักยำเป็นผักเคียงกับน้ำพริก ผักสลัดสักประมาณครึ่งของมื้ออาหาร หลังจากนั้นถ้าจะกินอาหารต่อไปเป็น
อาหารรางวัล อาหารที่กินอร่อยควรจะมีอาหารโปรตีนบ้าง โปรตีนที่ดีถ้าได้จากเนื้อสัตว์ควรจะเป็นสัตว์น้ำมีเลือดเย็นไขมันในตัวจะดี ยิ่งเป็นสัตว์น้ำที่อยู่ในทะเลไม่ได้มาจากการเลี้ยงจะมีความปลอดภัยมาก
โปรตีนที่ดีได้จากถั่ว เห็ด ไข่ซึ่งเป็นแนวทางนำมาปรุงแต่งโดยไม่ทอดน้ำมัน เวลาสุกให้สุกด้วยน้ำอาหารจะอร่อย ปลอดภัย ทั้งทำให้สุขภาพดี


ภาพจาก Web Site
https://www.krungsri.com/bank/getmedia/193575e9-3d28-4c8d-aa53-2e8b2b046ca2/Krungsri-guru-Socity-Eat-Right-For-Your-Blood-Type-Does-It-Work.jpg.aspx
ข้อมูลภาพ ณ วันที่ 28-4-60

          การนอนขึ้นกับช่วงอายุแต่การเริ่มต้นนอนเป็นเรื่องสำคัญ ถ้านอนดึกตื่นสายร่างกายจะไม่สอดคล้องกับการที่ธรรมชาติสร้าง การนอนที่ดีควรเริ่มต้นตั้งแต่สามทุ่ม ถ้าจิตสงบไม่มีอะไรมารบกวน
ประมาณ 3 หรือ 4 ทุ่มครึ่งจะหลับแล้ว ถ้าเป็นช่วงที่อยู่ในวัยเด็กจะนอนประมาณสิบชั่วโมง วัยรุ่นประมาณ 8 ชั่วโมง ในวัยทำงานอายุสัก30 กว่าหรือ 40 อาจจะเหลือสัก 6 หรือ 7 ชั่วโมง วัยยิ่งมากขึ้นการ
นอนจะลดลง เพราะร่างกายซ่อมสร้างตัวเองได้เร็วขึ้นเนื่องจากการซ่อมแซมร่างกายเหลือน้อยลง คนอายุ 60-70 อาจจะนอนเหลือสัก 4 ชั่วโมง อย่าตกใจเป็นเรื่องปกติ


ภาพจาก Web Site
http://www.vcharkarn.com/userfiles/74451/01_56.jpg
ข้อมูลภาพ ณ วันที่ 28-4-60

          สำคัญที่สุดคือเรื่องของจิตใจ ถ้ามีความเครียดเกิดทุกข์มีผลต่อกาย เมื่อมีความเครียดถ้าวัดความดันก็ขึ้นคนที่เป็นเบาหวานน้ำตาลขึ้น ถ้าเจาะเลือดจะผิดปกติมาก หรือโรคเครียดแล้วเกิดโรค
กระเพาะ ความเครียดกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็ง โรคต่างๆที่เกิดจากความเครียดเป็นเรื่องที่สามารถบำบัดโรคได้โดยไม่ใช้อะไร คือใช้สภาวะจิตที่หาช่องทางขจัดความเครียดออกจากจิตที่อยู่ใต้ส่วนลึก
องค์ประกอบอื่นที่สำคัญ คือ การออกกำลังกายไม่เน้นหักโหม วันหนึ่งประมาณครึ่งชั่วโมงให้ได้เหงื่อออก ถ้าสูงอายุใช้เดินเร็วแกว่งแขน มีการรำชี่กง ไท้เก็ก รำกระบอง สุดท้ายเรื่องของสูตรอาหาร เป็น
ปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุด เพราะอาหารที่รับประทานในที่สุดสร้างเป็นร่างกาย การประทานอาหารผิดพลาดทำให้ป่วย อาหารแนวทางที่อยากแนะนำเป็นอาหารธรรมดา เพียงต้องเข้าใจรูปแบบในจะรับประทาน
ทำให้เกิดประโยชน์ เรื่องมหัศจรรย์อาหารสามารถบำบัดโรคได้โดยไม่ใช้ยา


ภาพจาก Web Site
http://kriengsak.com/sites/default/files/37365.jpg
ข้อมูลภาพ ณ วันที่ 28-4-60

ข้อห้ามในการดำเนินชีวิต ถ้าปฏิบัติแล้วเกิดความทุกข์ในจิตแล้วจะมีผลเสียต่อสุขภาพ
          1. ต้องไม่จินตนาการเชิงลบ คำว่าจินตนาการเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสมองและจิตทำให้เกิดภาพ อารมณ์และความรู้สึกที่เข้าสู่ตัวเราได้
          2. ต้องไม่ทำให้ตัวของเราอ้วน ถ้าอ้วนรีบต้องลดน้ำหนักตัวลง อย่าให้มีน้ำหนักตัวเกิน
          3. ต้องไม่รับประทานน้ำตาล น้ำตาลที่ดีมีอยู่ในอาหารธรรมชาติทั้งในผักและผลไม้อยู่แล้ว ไม่ต้องไปดื่มเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล ต้องไม่ใส่น้ำตาลไปใส่ในกับข้าว และไม่ทานขนมหวาน
          4. ต้องไม่รับประทานไขมันที่เรียกว่า ไขมันทรานส์ คือไขมันที่ผ่านความร้อน การนำน้ำมันไปทอดของไปผัด ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บจากการที่ไขมันผ่านความร้อน
          5. ละเว้นการรับประทานสัตว์ใหญ่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพราะเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับคน การก่อ
โรคภัยไข้เจ็บ การเกิดสารพิษสารก่อมะเร็งเป็นเช่นเดียวกับคนเป็นเพราะพวกนี้จะก่อโรคภัยไข้เจ็บสู่ได้

ข้อที่ต้องปฏิบัติถ้าปฏิบัติเกิดความสมบูรณ์แข็งแรง จิตใจเบิกบานแล้วจะส่งผลมีผลดีต่อสุขภาพ
          1. ต้องรับประทานผัก ผลไม้สดที่ไม่มีรสหวาน กินก่อนอาหารอื่นเคี้ยวให้ละเอียด ครึ่งหนึ่งของความอิ่ม
          2. ต้องรับประทานข้าวเปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง ข้อสำคัญต้องลดจำนวนลงเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบางคนอายุ 60 ปี ยังกินข้าวอยู่จานใหญ่ ควรจะลดเหลือเพียงหนึ่งทัพพีพอ
          3. ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง
          4. ต้องนอนหลับให้สนิทอย่างน้อยวันละสี่ชั่วโมง ระหว่างเวลาตั้งแต่ 4 ทุ่มถึง ตี 2
          5. ทำได้ช่วยได้หมดทุกเรื่อง คือ ต้องจินตนาการเชิงบวก คือ ต้องมีความคิดต้องมีจิตที่สอดคล้องกันไปสู่ทิศทางที่บวกโดยระบบที่เรียกจินตนาการ สร้างเรื่องราวขึ้นมาในจิตของอย่างต่อเนื่อง
จะได้ทุกอย่างในชีวิตตามที่จินตนาการ

          เคล็ดลับที่สำคัญในการดำเนินชีวิตให้มีความสุขและสุขภาพดี การนำหลักของศาสนาพุทธ มาใช้ในชีวิตประจำวัน คือ คิดดี เวลาคิดดีความเครียดจะไม่เกิด สุดท้ายทำดี ทำดีให้กับตัวเราก่อน การดูแล
สุขภาพ ทำดีให้กับครอบครัวเราและสุดท้ายทำดีเข้าสังคม การทำดีหรือการเป็นผู้ให้จะทำให้จิตได้รับผลดีกลับมา ถ้าจิตดีจะมีความปิติยินดี อิ่มเอิบใจ ร่างกายจะมีการฟื้นฟู สุดท้ายคนที่ทำดีจะได้รับผลดีด้วย
อันนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำแล้วได้กำไรสามต่อ ความสุขในตัวเรา ผู้ที่ได้รับ และสังคมของเรา




นางสาวอุษณีย์ โฉมฉายแสง เรียบเรียง
(เรียบเรียงเนื้อหาจากบทวิทยุกระจายเสียง ปี 2558)
กลุ่มที่ 1 พัฒนาคุณภาพชีวิต
กลุ่มรายการที่ 1/12-58
CD-A1(2/4)-58