Principles of Writing (หลักการเขียนบทความทางวิชาการ)
1.การเขียนบทความวิชาการ
1.3 การศึกษาแหล่งเผยแพร่และกลุ่มผู้อ่าน
(3) ความน่าเชื่อถือของวารสารหรือสิ่งพิมพ์ทางวิชาการ การเผยแพร่บทความจากงานวิทยานิพนธ์หรืองานวิจัยของตนเองต้องพิจารณาเรื่องความน่าเชื่อถือของวารสารหรือสิ่งพิมพ์ทางวิชาการ หรือวารสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Journal) ควรเผยแพร่ในวารสารหรือสิ่งพิมพ์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง จัดทำโดยผู้ทรงคุณวุฒิ มีบรรณาธิการและกองบรรณาธิการที่มีชื่อเสียง หรือเป็นวารสารของสถาบันการศึกษา โดยผู้เขียนควรศึกษาลักษณะเฉพาะของวารสารนั้น ๆ ว่ามีเนื้อหาสาระมุ่งเน้นเรื่องใด การจัดเนื้อหา แนวทางการเลือกบทความ การบรรณาธิการกิจ ลักษณะของบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ นโยบายของวารสาร
ผู้เขียนอาจค้นคว้าค่าความน่าเชื่อถือหรือ Impact factor ของวารสารนั้น ๆ โดยศึกษาจาก JCR (Journal Citation Reports) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่จัดทำโดย Institute of Scientific Information (ISI) โดยImpact Factor คือค่าความน่าเชื่อถือของวารสารแต่ละชื่อ ที่คำนวณจากความถี่ในการถูกอ้างถึงของบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนั้นๆ นอกจากค่า Impact Factor แล้ว ฐานข้อมูล JCR ยังให้ข้อมูลความน่าเชื่อถือ อื่น ๆ อีก ได้แก่ Immediacy Index, Cited Half-life, จำนวนบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร (Articles) และ จำนวนครั้งที่บทความในวารสารถูกนำไป อ้างอิง (Total Cites) อย่างไรก็ตามวารสารบางฉบับที่เป็นที่ยอมรับในวงวิชาการก็อาจไม่ปรากฏในวารสาร JCRและยังเป็นวารสารที่ออกเป็นรายปีอีกด้วยจึงต้องอ้างอิงข้อมูลทันสมัยเสมอ
ในปัจจุบันการจัดทำวารสารจะกำหนดให้มีผู้ประเมินบทความซึ่งอีกสองหรือสามท่านซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในศาสตร์นั้น ๆ และเป็นผู้ที่อยู่ในวงวิชาการ (peer review) เป็นการประกันคุณภาพของบทความและเมื่อได้รับการเสนอแนะให้ปรับปรุงจากกองบรรณาธิการที่มีคุณภาพ งานเขียนบทความนั้นก็จะมีคุณภาพและสละสวยยิ่งขึ้น วารสารบางฉบับได้กำหนดประเด็นที่ผู้ประเมินบทความ (peer reviewer) จะต้องพิจารณาเช่น ความถูกต้อง ความทันสมัยของเนื้อหา ระเบียบวิธีวิจัย รูปแบบการนำเสนอ ภาษาที่ใช้ การอ้างอิง ผู้เขียนบทความจึงควรเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ