น้ำมันมะกอกจัดเป็นน้ำมันที่มีคุณประโยชน์หลากหลายที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ทุกวันนี้มนุษย์ใช้วิธีการหลายวิธีที่จะสกัดน้ำมันออกมาจากผลมะกอก เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ทั้งทางด้านบริโภคอุปโภค และเสริมความงาม มะกอกที่นิยมบีบน้ำมันเอามาใช้นั้นต่างจากมะกอกที่คนไทยใช้กินจิ้มพริกเกลือหรือ น้ำปลาหวาน ซึ่งมีผลกรอบ รสชาดเปรี้ยวอร่อย แต่มะกอกที่ใช้ประโยชน์จากน้ำมันของมันถูกเรียกว่ามะกอกโอลีฟ (olive) ซึ่งสามารถปลูกได้ดีในพื้นที่แถบเมดิเตอเรเนียน ซึ่ง เป็นพื้นดินที่มีอากาศร้อนตามชายฝั่งทะเล(แถบประเทศกรีซ อิตาลี รวมถึงแอฟริกาเหนือ)รวมไปถึงประเทศปาเลสไตน์ และอิหร่านด้วย ต้นมะกอกสามารถมีอายุยืนยาวถึง ๒๐๐๐ ปี แต่ความหนาวเย็นต้องไม่ทำให้ต้นมันแห้ง
ปัจจุบันประเทศแถบเอเชียตะวันออกก็มีการทดลองปลูกมะกอกกันมากขึ้น เช่น จีน ญี่ปุ่น มะกอกจัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้มากมาย ประกอบกับปัจจุบันก็มีการใช้ ประโยชน์จากน้ำมันมะกอกมากขึ้นไม่แพ้น้ำมันชนิดอื่นๆ. น้ำมันมะกอกจึงมี ๒ ชนิด คือชนิดที่รับประทานได้กับชนิดที่ไม่สามารถรับประทานได้ ชนิดหลังนี้ใช้ประโยชน์ในด้าน ความงามโดยเฉพาะ น้ำมันมะกอกที่ใช้ไปในการเสริมความงามจะไม่นิยมนำมาบริโภค เนื่องจากมีกลิ่นที่ฉุนกว่า เครื่องสำอางต่างๆมักจะมีน้ำมันมะกอกเป็นส่วนผสมด้วย ไม่ว่า จะเป็นยาสระผม โลชั่นบำรุงผิวหน้า ผิวกาย ครีมหรือเซรั่มชนิดต่างๆ เพราะน้ำมันมะกอกมีสรรพคุณมอบความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ทำให้เส้นผมนุ่มสลวย สาวๆจึงมักจะใช้น้ำมัน มะกอกหมักผม ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันมนุษย์มีการบริโภคและใช้ประโยชน์จากมะกอกอย่างแพร่หลาย ทั้งชาวตะวันตกและตะวันออก แม้แต่ชาวเอเชียมักจะนำน้ำมันมะกอกมาใช้ในการ เสริมสวย มีรายงานว่าในอียิปต์โบราณราชินีคลีโอพัตราผู้เลอโฉมนางใช้น้ำมันจากพืชพันธุ์มาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางของนาง อย่างเช่นนางใช้ขี้ผึ้งผสมสีเพื่อทำเป็นลิปสติก ทาริมฝีปาก หรือน้ำมันมะกอกผสมกับหินศิลาแลงเพื่อให้ได้เป็นลิปสติกสีแดง ส่วนสีสันที่นำมาใช้ทาตานั้นจะทำมาจากน้ำมันมะกอกผสมกับผงถ่านเพื่อทำบริเวณรอบดวงตา สาวอินเดียจะใช้น้ำมันมะกอกหยดลงบนสำลี แล้วนำมานวดเบาๆที่ใบหน้า จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำอุ่นประมาณ ๑๐ นาทีเพื่อให้น้ำมันที่นวดไปถูกล้างออกให้หมด จะทำให้ใบหน้า นุ่มสดใส
เวลาที่ดีที่สุดสำหรับรับประทานน้ำมันมะกอกคือตอนเช้า การรับประท่านน้ำมันมะกอกหนึ่งช้อนซุปในช่วงเวลาเช้าตรู่ก่อนอาหาร คือยาบำบัดรักษาที่ดีเลิศที่สุดสำหรับผู้ที่ ได้รับความทุกข์ทรมานจากเรื่องของตับ การรับประทานน้ำมันมะกอกด้วยวิธีดังกล่าวนอกจากจะช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดอาการเจ็บป่วยภายในใดๆแล้ว ยังช่วยหล่อลื่นทางเดินลำไส้ ช่วยทำให้อาหารที่รวมตัวอยู่ในลำไส้เคลื่อนไปในเส้นทางของมันได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังกระตุ้นให้ตับที่เฉื่อยชาและถุงน้ำดีให้ทำหน้าที่ของมัน ช่วยยับยั้งการก่อตัวและการเพิ่ม จำนวนของเชื้อโรคในลำไส้ เห็นประโยชน์มากมายของน้ำมันมะกอกแล้วก็ไม่ควรมองข้ามกันเลยทีเดียว
|