สุขภาพดี หุ่นสวย ด้วยโยคะ
โดย...นางณัณทิญา   ฟักรักษา
หัวหน้าส่วนสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย

อีเมล์ : rinlynan7488@gmail.com

(เนื้อหาและภาพประกอบเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน)


          ศาสตร์การเล่นโยคะ ถือกำเนิดมาอย่างยาวนานหลายพันปีแล้ว การเล่นโยคะไม่เพียงเป็นการออกกำลังกาย แต่ต้องผ่านการฝึกฝนที่ดีทั้งในรูปแบบในการเคลื่อนไหวและ
การกำหนดรูปแบบของการหายใจ ทำให้การออกกำลังกาย เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าค้นหาและหากได้ลองฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่ได้นั้นก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพดีอย่างชัดเจน
เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

ทฤษฎีของโยคะ (Theory of Yoga)
          ทฤษฎีของโยคะ คือ การบำบัดโดยการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตามที่กำหนด โดยเน้นการหายใจ เข้า - ออก ให้สอดคล้องกับท่าฝึก และการทำสมาธิระหว่าง
การฝึก
การฝึกโยคะที่ถูกต้องจะมีองค์ประกอบด้วย
          • Kept Fit บริหารร่างกายให้ถูกต้อง เพื่อคงไว้ซึ่งสุขภาพที่ดี
          • Balance การรักษาความสมดุลของร่างกายและจิตใจโดยวางตัว และอารมณ์เป็นกลางไว้
          • Harmony ความลงตัวกับระหว่างการฝึกกายและจิต
          • Purify Body - Mind - Soul มีการชำระตนเองให้บริสุทธิ์ทั้งกาย - จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยยึดหลักมีศีลธรรมจรรยา สำรวมจิตใจ หรือการมีสมาธิแน่วแน่

หลักสำคัญของการฝึกโยคะ (Objectives)
          1. หายใจแบบโยคะให้ถูกต้อง : หายใจเข้า - ท้องพอง, หายใจออก - ท้องแฟบ
               • สูดอากาศเข้าให้พอดีกับท่าฝึก เพื่อให้ได้ออกซิเจนมากพอ
               • ปล่อยลมหายใจออกให้สุด เพื่อขับอากาศเสียออกจากร่างกาย และลดความตึงเครียด ของกล้ามเนื้อ
               • หายใจเข้า - ออก ให้สอดคล้องเป็นจังหวะกับท่าฝึกแต่ละท่า
           2. ฝึกท่าแต่ละท่า ช้าๆ เป็นจังหวะที่ลงตัว ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย ตามข้อจำกัดธรรมชาติร่างกายของแต่ละบุคคล อย่าฝืนเกินไป เช่น ยืดตัวมากเกินไป
เกร็งเกินไป ตึงมากไป บิดมากเกินไป
          3. การกำหนดจิต (Concentration) ให้เป็นหนึ่งเดียวกับการฝึกโดยไม่วอกแวก จะทำให้จิตสงบเข้าถึงสมาธิได้ดีขึ้น ห้ามแข่งขัน หรือคุยกันระหว่างการฝึก ควรอดทน
และขยันฝึกเป็นประจำควรฝึกอย่างน้อย อาทิตย์ละ 3 - 4 ครั้ง
          4. หยุดพักและผ่อนคลาย หลังแต่ละท่าฝึก (Pause & Relax) ให้หายใจเข้า - ออก ช้าๆ ลึกๆ 6-8 รอบ เพื่อคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และทำให้การเต้นของ
หัวใจปรับเข้าสู่สภาวะปกติก่อนฝึกท่าต่อไป

ประโยชน์ของโยคะ (Benefits of YOGA)
          1. เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ปรับระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ บำบัดโรคที่เกี่ยวกับการเลือดไหลเวียนไม่ปกติ โรคภูมิแพ้ ผิวพรรณที่ไม่ผ่องใส สมองไม่ปลอดโปร่ง
มึนศีรษะง่าย
          2. ด้านกายภาพบำบัด
               • กล้ามเนื้อ ข้อต่อ และเอ็น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้การเดินคล่องขึ้น การทรงตัวดีขึ้น
               • กระดูกสันหลังถูกปรับให้เข้าสภาพปกติ ป้องกันอาการปวดหลัง ปวดต้นคอ หรือ ปวดศีรษะ และปรับรูปร่างให้สมดุล กระดูกไม่งอ ไหล่ไม่เอียง
               • ท่าบริหารโยคะบางท่าถูกดัดแปลงใช้กับคนชรา และคนพิการเพื่อสามารถฝึกบนเตียง/บนรถเข็นได้
          3. กระตุ้นสมองให้มีความจำดีขึ้น
               • การผ่อนคลายลึก ๆ หลังการฝึก ทำให้เกิดคลื่นอัลฟา มีผลต่อการผ่อนคลายต่อสมอง
               • คลายความเครียด ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
          4. นวดอวัยวะภายในให้แข็งแรงขึ้น เช่น หัวใจ มดลูก กระเพาะอาหาร ตับ ไต เป็นต้น ทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น เลือดไปที่ไตล้างไตให้สะอาดขึ้น ระบบการหายใจ
จะโล่งขึ้น ทำให้การเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายเพิ่มขึ้น ได้พลังงานเสริมความแข็งแรง
          5. ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ร่างกายสมส่วน
               • ร่างกายมีสัดส่วนดีขึ้น กระชับ สวยงามขึ้น
               • ช่วยควบคุมน้ำหนักได้อย่างดี ลดไขมันส่วนเกิน
               • ใบหน้าอ่อนเยาว์ จากการที่เลือดไปเลี้ยงทุกส่วนในร่างกายได้ดีขึ้นอย่างสมดุล
          6. ด้านจิตบำบัด
               • จิตสงบและมีสมาธิมากขึ้น
               • ลดความวิตกกังวลและอาการที่ตื่นกลัว
               • นายแพทย์ ดีน ออร์นิช ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจจากแคลิฟอร์เนีย ได้ผสมผสานโยคะแบบใหม่ในการรักษาผู้ป่วย โรคหัวใจ
               • โครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง และศูนย์วิจัยในแคลิฟอร์เนีย สอนโยคะให้ผู้ป่วยในระยะสุดท้าย เพื่อให้รู้สึกสงบ
          7. เพศสัมพันธ์บกพร่อง สามารถบรรเทา หรือแก้ไขได้ด้วยท่าโยคะหลายๆ ท่า

          ผู้ที่ฝึกโยคะสามารถลดระดับความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ เนื่องจาก เลือดจะไหลเวียนไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกายได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง ยังช่วยให้มีอัตราการเต้นของหัวใจ
ที่ต่ำลง และคอเรสเตอรอลลดลงได้ด้วย นอกจากนี้ การฝึกโยคะเป็นประจำยังช่วยเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ซึ่งจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรง
มากขึ้น ไม่ป่วยง่าย หรือหากเกิดอาการป่วยขึ้นมา ก็สามารถหายหรือฟื้นตัวได้เร็วขึ้น รวมไปถึงใครที่ป่วยเป็นโรคไมเกรนที่มักจะปวดหัวอยู่บ่อยๆ ลองหันมาเล่นโยคะกันดูสิค่ะ
รับรองว่าอาการปวดหัวที่เคยเป็นจะทุเลาลงได้อย่างแน่นอน
          ใครที่หวังจะลดน้ำหนักด้วยการบริหารร่างกายแบบโยคะคงไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้การเล่นโยคะจะดูเหมือนว่าแทบจะไม่ได้เคลื่อนไหวหรือเคลื่อนที่ไปไหน
เลย แต่การฝึกลมหายใจประกอบกับท่าทางต่างๆ ก็สามารถช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่างดี
          รู้ประโยชน์ของโยคะกันอย่างนี้แล้ว อาจจะทำให้ใครหลายๆคนเริ่มเข้าใจกันแล้วใช้ไหมว่า ทำไมคนสมัยใหม่จึงนิยมหันมาฝึกโยคะกันมากขึ้น แล้วคุณล่ะ…เริ่มรู้สึกสนใจ
อยากฝึกโยคะขึ้นมาบ้างหรือยัง?






เอกสารอ้างอิง
...........................................................................................................................

          สำนักการแพทย์ทางเลือก (Bureau of Alternative Medicine). บทความออนไลน์ “โยคะเพื่อสุขภาพ. จากเวปไซต์ http://www.thaicam.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=277:2009-10-12-05-39-00&Itemid=97. เข้าถึงเมื่อ 8 กันยายน 2558
          หมอชาวบ้าน. บทความออนไลน์ “โยคะเพื่อสุขภาพ” จาก เวปไซต์ http://www.doctor.or.th/ article/detail/3717. เข้าถึงเมื่อ 8 กันยายน 2558
          โยคะเพื่อสุขภาพ. จากเวปไซต์ http://www.fungfink.com/health/. เข้าถึงเมื่อ 8 กันยายน 2558