อาหารกับการเปลี่ยนแปลงของโลก
โดย...คุณอภิรัตน์   ศุภธนาทรัพย์
อาชีพ อาจารย์
สาขามนุษยนิเวศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
อีเมล์ : abhirat@hotmail.com

(เนื้อหาและภาพประกอบเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน)


          ถึงแม้โลกของเราจะเข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อโลกใบนี้จากฝีมือมนุษย์ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและอาจรุนแรงมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏ
มาก่อน เป็นไปได้ว่าเรากำลังผเชิญกับวิกฤตทรัพยากรที่เกี่ยวเนื่องต่อการผลิตอาหารเพื่อเลี้ยงประชากรทั้งโลก ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การผลิตอาหารของโลกนั้นจะมีความเสี่ยง
มากขึ้น ทั้งจากประชากรของโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อาจสูงถึง 9,000 ล้านคนในปีพ.ศ.2593 ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อการผลิตอาหาร การแย่ง
ชิงทรัพยากรที่สำคัญทั้งที่ดิน น้ำ และพลังงาน รวมไปถึงรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม


          เมื่อมีการพูดถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น คนส่วนใหญ่จะพูดถึงแนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วๆไป ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้
น้ำมันการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนการเปลี่ยนหลอดประหยัดไฟ รวมถึงการลดใช้ภาชนะบรรจุอาหารบางชนิดเช่น กล่องโฟม อย่างไรก็ตามน้อยคนนักจะ
กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนแนวทางการผลิตอาหาร
          การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารนั้นมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยในปัจจุบันนี้พฤติกรรมการบริโภคอาหารมุ่งเน้นไปที่การบริโภคเนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่
อาจเป็นผลสืบเนื่องมาจากมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้นตลอดจนผลจากการผลักดันการค้าด้านอาหารในระดับโลก โดยหารู้ไม่ว่าการบริโภคอาหารประเภทเนื้อสัตว์นั้นต้องใช้
ต้นทุนทรัพยากรมากน้อยเพียงใด มีการประเมินว่าเนื้อสัตว์ที่เราบริโภคกันนั้นในน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัมต้องใช้ธัญพืชในการเลี้ยงจำนวนมาก รวมไปถึงต้องใช้น้ำในการ
ปลูกพืชเหล่านั้นรวมถึงการเลี้ยงสัตว์กว่าหลายพันลิตรเลยทีเดียว อีกทั้งแนวโน้มการบริโภคเนื้อสัตว์ที่มากขึ้นนี้เองส่งผลกระทบต่อธรรมชาติของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ใน
ปัจจุบันมีพื้นที่เลี้ยงสัตว์ถึง 1 ใน 4 ของผืนแผ่นดินทั้งหมดบนโลกของเรา ทำให้คุณภาพที่ดินเสื่อมสภาพลง อีกทั้งยังเป็นการบุกรุกลดปริมาณพื้นที่ป่าที่เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์อีก
ด้วย นอกจากนี้แล้ว การเลี้ยงสัตว์ยังก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึงร้อยละ 18 ของปริมาณทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์อีกด้วย ซ้ำร้ายปริมาณปลาจากท้องทะเลที่มนุษย์จับมา
บริโภคนั้น ในปัจจุบันนี้เหลืออยู่เพียงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปริมาณเดิมที่เคยมีอยู่ การจับปลาอันเนื่องมาจากความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ของมนุษย์ที่มากขึ้นนั้นไม่สามารถ
ชดเชยได้ทันจากการกระบวนการแพร่พันธุ์ปกติตามธรรมชาติ ทำให้ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งทะเล เกิดมลพิษและการ
แพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังสัตว์น้ำตามธรรมชาติ โดย ดร.ราเชนทรา ปาเจารี นักเศรษฐศาสตร์ชาวอินเดีย ประธานองค์คณะด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศระหว่างรัฐบาล
แห่งสหประชาชาติ (UN Intergovermental Panel on Climate Change) ได้กล่าวถึงความเชื่อมโยงนี้ว่า การเลือกกินเนื้อสัตว์น้อยลงหรือเลิกกินไปเลยเป็นทางเลือกส่วน
ตนที่ดีที่สุดทางหนึ่งที่ทำได้เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ


          นอกจากพฤติกรรมการบริโภคของมนุษย์ที่เปลี่ยนไปแล้ว ระบบอาหาร (Food system) ยังมีส่วนสำคัญต่อปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อนหลายด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการ
ปล่อยก๊าซเรือนกระจก กระบวนการทำเกษตรแบบอุตสาหกรรม ทั้งการผลิตปุ๋ยเคมีและการใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไป การกำจัดของเสียจากสัตว์อย่างผิดวิธี รวมไปถึงผลพิษที่เกิดขึ้น
ระหว่างการขนส่งอาหาร เช่น การปล่อยก๊าซคาร์บอนจากเรือบรรทุกสินค้าหรือเครื่องบิน เป็นต้น
          การเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างรวดเร็วผนวกกับแนวทางการผลิตอาหารนั้นส่งผลกระทบอย่างหนักต่อโลกของเราใบนี้ มนุษย์จำเป็นต้องค้นหาทางเลือกใหม่เพื่อตอบสนอง
ทั้งสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า ความต้องการเทคโนโลยีการผลิตอาหารใหม่ๆนั้นต้องเร่งพัฒนาไปในแนวทางที่ไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีนั้นๆจะ
ต้องได้ผลผลิตมากเพียงพอสำหรับป้องกันความอดอยากที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต สอดคล้องกับ Government Office for Science ของสหราชอาณาจักร ที่ได้กล่าวถึง
The Future of Food and Farming ในโครงการ Foresight Project ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้กำกับนโยบาย (Policy makers) ว่าควรมุ่งจัดการความท้าทาย 5 อย่าง ได้แก่ การปรับ
อุปสงค์และอุปทานให้มีความสมดุลกันอย่างยั่งยืน การเตรียมรับมือกับความผันผวนของระบบอาหารในอนาคต การยุติความอดอยากหิวโหย การมุ่งเป็นโลกที่มีการปล่อยก๊าซเรือน
กระจกต่ำ และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) และบริการระบบนิเวศน์ (Ecosystem service) เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในการเลี้ยงปากท้องของคนทั้งโลก
โดยไม่ทำลายทรัพยากรอันมีค่าของโลกใบนี้

 


เอกสารอ้างอิง
...........................................................................................................................

คาร์ล เวเบอร์. (2555). ฟู้ดอิงค์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน.
ทอมัส เฮย์เดน. (2551). ชีพจรโลกท่ามกลางวิกฤติโลกร้อน. กรุงเทพฯ: เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก.
Chakraborty S. Newton AC. Climate change, plant diseases and food security: an overview. Plant Path 2011; 60: 2-14