เมื่อท่านเดินทางตามเส้นทางถนนพระราม 2 ออกจากกรุงเทพมหานครเพื่อมุ่งลงสู่ภาคใต้ จังหวัดหนึ่งที่ทุกท่านจะต้องเดินทางผ่านคือ จังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นจังหวัด เล็กที่มีเพียง 3 อำเภอที่มีจุดเด่นแตกต่างกันไปตามคำขวัญของจังหวัด คือ เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์ โดยคำขวัญนั้นแต่ละถ้อยคำจะมีความหมาย กล่าวคือ เมืองประมงจะสื่อถึงอำเภอเมืองของจังหวัดสมุทรสาครที่เป็นหัวใจหลักของการประมงไทยแห่งหนึ่ง ดงโรงงานจะสื่อถึงอำเภอกระทุ่มแบนที่เป็นศูนย์รวมของโรงงานอุตสาหกรรมอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย และอีกหนึ่งประโยคสำคัญคือ ลานเกษตร คืออำเภอบ้านแพ้วที่ เป็นแหล่งผลิตสินค้าในเชิงเกษตรกรรมส่งขายไปยังตลาดสินค้าสำคัญในภาคกลาง แล้วอำเภอบ้านแพ้วนั้น ณ ที่แห่งใดมีลักษณะอย่างไรเราจะมาทำความรู้จักกับอำเภอบ้านแพ้ว นี้ไปด้วยกัน
อำเภอบ้านแพ้วนั้นอยู่ไม่ไกลจากตัวจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดนครปฐมมากนัก คือห่างจากตัวจังหวัดสมุทรสาครเพียง 26 กิโลเมตร ห่างจากตัวจังหวัดนครปฐมเพียง 30 กิโลเมตร ที่สำคัญห่างจากกรุงเทพมหานครด้วยระยะทางเพียง 70 กิโลเมตร เรียกว่าอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครเดินทางชั่วโมงกว่าก็ถึงประวัติความเดิมของอำเภอบ้าน แพ้วนั้นมีสภาพเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าและต้นไม้นานาพรรณ ต่อมามีประชาชนจากชุมชนใกล้เคียงของจังหวัดนครปฐม และจากที่อื่นๆ เข้ามาล่าสัตว์และหาของป่ากันมากขึ้น ได้ทำ สัญลักษณ์หรือเรียกว่า "แพ้ว" เพื่อป้องกันการหลงป่า เช่นใช้ไม้เป็นเสาธงผูกผ้าไว้ที่ปลายไม้ (เรียกว่า แพ้วธง) จนกระทั่งมีการอพยพมาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนจึงเรียกว่า "หมู่บ้านแพ้ว" ในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อปี 2409 ได้มีการขุดคลองเชื่อมระหว่างแม้น้ำท่าจีนและแม่น้ำแม่กลอง ชื่อว่า "คลองดำเนินสะดวก" เพื่อประโยชน์ทางการชล-ประทาน การเกษตรและเป็นเส้นทางคมนาคม(ทางน้ำ) สายสำคัญ เสมือนเส้นเลือดใหญ่ของพื้นที่ จนมีประชาชนเข้าอยู่อาศัยทำกินมากขึ้น จึงยกฐานะทางปกครองเป็นหมู่บ้าน ตำบล ขึ้น กับ อ.บ้านบ่อ จ.สมุทรสาคร ปี 2450 ต่อมาได้รวมพื้นที่บางตำบลของอำเภอต่างๆ ใน จังหวัดสมุทรสาครและ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐมยกฐานะเป็น "อำเภอบ้านแพ้ว" เมื่อปี 2468 โดยมี ขุนนิวาสวาปี (แจ้ง สกุลวงษ์) เป็นนายอำเภอคนแรก โดยมีเนื้อที่/พื้นที่245.031 ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปแบบมรสุม มี 3 ฤดู ปริมาณน้ำ ฝนเฉลี่ย 1,360 มิลลิเมตร/ปี อุณหภูมิเฉลี่ย 28.7 องศาเซลเซียล ด้วยสภาพพื้นที่ของอำเภอบ้านแพ้วนั้นแล้วเป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการทำเกษตรอย่างยิ่งด้วยสภาพดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ และปริมาณน้ำที่ไม่เคยเหือดแห้งจากลำคลอง เลยด้วยมีสายเลือดหลักคือคลองดำเนินสะดวกที่รับน้ำจากแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำแม่กลอง จากเดิมที่เคยเป็นคลองสำหรับการคมนาคมเป็นหลักแต่ปัจจุบันนั้นก็ยังมีความสำคัญ ในเรื่องของการชลประทาน ที่สำคัญด้วยระบบคลองนี้เองทำให้อำเภอ บ้านแพ้วรอดพ้นจากมหาอุทกภัยในปี พ.ศ. 2554 มาได้ คลองดำเนินสะดวกเป็นแหล่งน้ำสำคัญในการเพาะ ปลูก โดยมีคลองย่อยเป็นคลองเล็กคลองน้อยเชื่อมโยงกันไปทั่วอาณาบริเวณ
สถานที่สำคัญของอำเภอบ้านแพ้ว ได้แก่ 1. ตลาดริมน้ำบ้านแพ้ว ตลาดริมน้ำที่เก่าแก่อายุนับร้อยปีที่อยู่คู่กับคนบ้านแพ้วมาหลายรุ่นหลายนาม เป็นตลาดริมน้ำที่อยู่ติดกับคลองดำเนินสะดวก จะทำการซื้อขายสิ่ง ของในชีวิตประจำวันที่ต้องใช้ไม่ได้เป็นตลาดที่จัดทำขึ้นเพื่อการท่องเที่ยว ได้การตกแต่งให้มีจุดขายในทางการตลาด หากท่านสนใจที่จะมาเยี่ยมชมตลาดที่อยู่ริมน้ำแบบแท้ ๆ เรียนเชิญที่ตลาดริมน้ำบ้านแพ้วเรียกได้ว่าได้อรรถรสแท้ๆดั้งเดิมอย่างแน่นอน 2. วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร เป็นวัดราษฎร์ ที่ประชาชนที่อยู่ในบริเวณหลักสี่และบริเวณกึ่งกลางคลองดำเนินสะดวกรวมตัวกัน สร้างขึ้นบนที่ดินของ นางแจ่ม วาสุกรี ผู้มีจิตศรัทธายกที่ดินให้เป็นธรณีสงฆ์สำหรับสร้างวัด และได้ตั้งชื่อวัดตามชื่อหลักแบ่งเขตคลองว่า วัดใหม่หลักสี่ ตั้งอยู่ใน มณฑล นครไชยศรี ต่อมาเปลี่ยนชื่อ
เป็น วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่ ๑๗ หมู่ ๒ ตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร มาถึงทุกวันนี้ นับอายุมาถึงปัจจุบันก็ประมาณ ๖๕ ปี ตลอดเวลาอันยาวนาน วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร อยู่ในสภาพเจริญและเสื่อมสลับกันไป ปัจจุบันได้รับการพัฒนาโดยพระเดชพระคุณ
หลวงพ่อพระครูพิพัฒน์สาครธรรมเจ้าอาวาส เป็นผู้นำ วัดจึงเจริญรุ่งเรืองใหญ่โตและสวยงามและในประมาณเดือนมีนาคมจะเป็นเทศกาลที่ทุกคนในแถบริมคลองดำเนินสะดวก จะรอคอยกับ "งานปิดทองประจำปีหลวงพ่อโตวัดหลักสี่" เป็นอีกกิจกรรมที่จัดอย่างยิ่งใหญ่และอลังการมีการแห่ องค์หลวงพ่อโตจำลอง ทางน้ำไปตามลำน้ำคลองดำเนินสะดวก ให้ ชาวบ้านที่อยู่ริมคลองได้สักการะบูชากันเพื่อเป็นศิริมงคล 3. สวนพืชผักผลไม้ และกล้วยไม้นานาพันธุ์ ด้วยสภาพพื้นที่ของอำเภอบ้านแพ้วส่งผลให้เกิดความเหมาะสมในการทำเกษตรกรรม ชาวบ้านแพ้วจึงประกอบอาชีพ เกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก สวนผลไม้ในอำเภอบ้านแพ้วเป็นจุดเด่นที่สำคัญเรียกได้ว่า ถ้าที่บ้านแพ้วปลูกต้นอะไร รับรองคนทั่วไปได้กินผลไม้ที่มีคุณภาพราคาไม่แพงแน่นอน
ผลไม้ที่นิยมปลูกไม่ว่าจะเป็นมะม่วงนานาพันธุ์ ลำไยพันธุ์พวงทอง ส้มเขียวหวาน มะพร้าวน้ำหอมที่เลื่องชื่อ ฝรั่งทั้งมีเมล็ดและ ไร้เมล็ด การทำน้ำตาลมะพร้าวสดๆจากเตา ซึ่ง การเข้าถึงสวนผลไม้ที่กล่าวมานั้นในอดีตต้องนั่งเรือเป็นหลักแต่ปัจจุบันรถเทียบถึงสวนเลยทีเดียว ส่วนสวนกล้วยไม้นั้นสามารถหาชมได้ง่ายเพียงมีเวลานั่งรถเข้าไปตามเส้นทาง
ภายในอำเภอจะสามารถมองเห็นสวนกล้วยไม้ที่ยาวสุดลูกหูลูกตาได้เลยทีเดียว ด้วยจุดเด่นด้านเกษตรกรรมการเพาะปลูกพืชผักผลไม้ จงทำให้อำเภอบ้านแพ้วคือแดนดินเกษตร ที่ใกล้กรุงนั่นเอง การเดินทาง เดินทางด้วยรถสาธารณะ การเดินทางเยี่ยมเยือนอำเภอบ้านแพ้วนั้นสามารถมาได้ง่ายมาก หากเริ่มต้นจากกรุงเทพมหานครจุดที่สามารถเดินทางมาง่ายที่สุดคือ ขึ้นรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากบริเวณห้างเซ็นจูรี สายบ้านแพ้ว อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพียงหนึ่งชั่วโมงเศษจะถึงอำเภอบ้านแพ้ว หากเริ่มต้นจากสมุทรสาครหรือมหาชัย นั่งรถโดยสารสาธารณะสีน้ำเงินสายบ้านแพ้ว มหาชัย สามารถรอรถได้ที่ป้ายรถโดยสารตรงบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ราคาไม่ เกิน 20 บาท นั่งรถชมวิวผ่านสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษก็จะถึงตลาดริมน้ำบ้านแพ้ว แต่ถ้าเริ่มต้นจากนครปฐมนั่งรถโดยสารสาธารณะสีขาวคาดสีแดง สายบ้านแพ้ว นครปฐม ท่ารถอยู่ตรงข้ามธนาคารไทยพานิชย์ สาขานครปฐม ห่างจากท่ารถสาย 83 กรุงเทพ นครปฐม ไม่ถึง 100 เมตร แล้วนั่งรถชมวิวสองข้างทาง ใช้เวลารวมในเส้นทางประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษก็จะถึงตลาดริมน้ำบ้านแพ้วเช่นเดียวกัน เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล การเดินทางเยี่ยมเยือนอำเภอบ้านแพ้วนั้นจะสามารถมาได้ง่ายมากขึ้น คือขับรถมุ่งลงสู่ภาคใต้โดยใช้ถนนเพชรเกษมหรือพระรามสอง จากนั้นจะมีป้ายบอกทางเข้าอำเภอ บ้านแพ้วใช้เวลาจากกรุงเทพมหานครเพียงเวลาไม่นานท่านจะได้มาเยือนอำเภอบ้านแพ้ว จะเห็นได้ว่าอำเภอเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานครอย่างอำเภอบ้านแพ้วเป็นอีกสถานที่ยังแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนแผ่นดินไทย เป็นอำเภอที่ยังคงมนต์เสน่ห์แห่ง ความงดงามของธรรมชาติที่น่าค้นหาดึงดูดใจ ที่ประกอบขึ้นจากวิถีชีวิตที่เรียบง่าย อาชีพที่ผูกพันกับการเกษตร ผลไม้ที่มีให้เลือกในทุกฤดูกาล เมื่อท่านได้มาเยือนที่อำเภอแห่ง นี้ท่านจะได้สัมผัสกับสถานที่น่าตรึงใจแดนดินเกษตรที่ใกล้กรุง ตามคำขวัญของอำเภอบ้านแพ้วที่ว่า
|