หลักการเขียนภาษาอังกฤษ:
การใช้คำ การเขียนประโยค ย่อหน้า และข้อความต่อเนื่อง


Back : :: Next

Summary, Paraphrase, and Synthesis Writing
(การเขียนสรุปความ ถอดความ สังเคราะห์)

2. การถอดความ (paraphrase)
       2.1 ความสำคัญ
                ในการเขียนทบทวนวรรณกรรม เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง อาจต้องมีการกล่าวถึงความคิดที่เป็นของนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิอื่น ต้องมีการอ้างอิงหากนำมาใช้โดยตรงทั้งหมด ในบางครั้งต้องถอดความมาเพื่อมาเขียนเชื่อมโยงกับส่วนอื่น ๆ ในส่วนการทบทวนวรรณกรรมของผู้เขียนบทความ การถอดความจึงมีความสำคัญมาก ทำให้งานเขียนของผู้เขียนบทความไม่เป็นการลอกเลียนงานของผู้อื่น (plagiarism) อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องอ้างที่มาของแนวคิดไว้ในบทความหรือที่ท้ายบทความเสมอ
                การถอดความคือการเขียนถึงความคิดของผู้อื่นโดยใช้ถ้อยคำของตนเอง เป็นการกล่าวอีกครั้งหนึ่ง (restatement) ที่ยาวกว่าการสรุปย่อ เป็นการนำความคิดของผู้อื่นมาใช้ในงานของตนที่วงวิชาการยอมรับได้หากมีการอ้างอิงที่ถูกต้อง ผู้ถอดความต้องเปลี่ยนการใช้คำและโครงสร้างแต่ต้องรักษาความหมายให้เหมือนเดิม โดยมุ่งหาคำหรือข้อความที่เป็นใจความสำคัญ  ใช้ภาษาของผู้เขียนเอง หากลอกข้อความของผู้อื่นมาโดยไม่อ้างอิง ถือเป็นการผิดจรรยาบรรณและจริยธรรมทางวิชาการ

                การถอดความมีประโยชน์ช่วยให้ไม่ต้องอ้างอิงข้อความยาว ๆ มากเกินไป และควบคุมการยกข้อความมามากไป  กระบวนการในการถอดความช่วยให้ผู้เขียนบทความสามารถจับใจความสกัดเอาแก่นเนื้อหาจากข้อความเดิมได้เป็นอย่างดี

       2.2 วิธีการเขียนแบบถอดความ
                วิธีการเขียนแบบถอดความมีขั้นตอนและรายละเอียดดังนี้
                2.2.1 ขั้นตอนการถอดความ

1.

อ่านเนื้อหาให้เข้าใจถ่องแท้

2.

เขียนความคิดหลัก  คำ  กลุ่มคำที่สำคัญ  หาคำเหมือน  แต่อย่าปรับศัพท์เทคนิคหรือศัพท์ทางวิชาการ

3.

เปลี่ยนโครงสร้างของข้อความ โดยพยายามสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างคำ ข้อความ ความคิด ว่าเป็นไปในทางใด เช่นเป็นเหตุเป็นผล เปรียบเทียบ ดูที่การใช้คำ เช่น similarly บอกความเหมือน แล้วเขียนความสัมพันธ์แบบใหม่ หรือ เปลี่ยนไวยากรณ์ในข้อความ เช่นจากคำนามเป็นคำกริยา คำคุณศัพท์เป็นคำกริยาวิเศษณ์  แบ่งเป็นประโยคย่อยรวมประโยคย่อเข้าด้วยกัน

4.

เขียนความคิดหลักใหม่ในประโยคสมบูรณ์

5.

ตรวจสอบว่า ความหมายที่ถอดความออกมายังเหมือนเดิมหรือไม่  ควรมีความยาวประมาณเท่าเดิม ลีลาการเขียนเป็นของตนเอง และต้องอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล

                2.2.2 การใช้สำนวนภาษา   

                ในการเขียนสรุปแนวคิดของนักวิชาการอื่นๆ เพื่อมาให้ในงานวรรณกรรมต้องมีการถอดความและสรุปย่อเฉพาะสิ่งที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับประเด็นที่ผู้เขียนบทความต้องการนำเสนอ โดยต้องกล่าวให้ชัดเจนแต่แรกว่าเป็นความคิดของใคร และจุดยืนของผู้เขียนบทความคืออะไรพร้อมทั้งอ้างอิงแหล่งที่มาเสมอ

  Brown (1983, p. 231) claims that a far more effective approach is ...
แสดงความคิดของ  Brown's แต่ไม่ได้บอกความคิดผู้เขียน
Brown (1983, p. 231) points out that a far more effective approach is ...
แสดงความคิดของ  Brown ที่ผู้เขียนเห็นด้วย  สนับสนุนโดย Brown

ถ้าเห็นด้วยกับสิ่งที่นักวิชาการนั้นเขียน ใช้สำนวนต่อไปนี้ 

  The work of X indicates that ...
The work of X reveals that ...
The work of X shows that ...
Turning to X, one finds that ...
Reference to X reveals that ...
In a study of Y, X found that ...
As X points out, ...
As X perceptively states, ...
As X has indicated ...
A study by X shows that ...
X has drawn attention to the fact that ...
X correctly argues that ...
X rightly points out that ...
X makes clear that ...

ถ้าไม่เห็นด้วยกับนักวิชาการนั้น

  X claims that ...
X states erroneously that ...
The work of X asserts that ...
X feels that ...
However, Y does not support X's argument that ...
If you do not want to give your point of view about what the writer says,
According to X ...
It is the view of X that ...
The opinion of X is that ...
In an article by X, ...
Research by X suggests that ...
X has expressed a similar view.
X reports that ...
X notes that ...
X states that ...
X observes that ...
X concludes that ...
X argues that ...
X found that ...
X discovered that ...

การสรุปย่อภายในเนื้อหา
         การสรุปย่อภายในเนื้อหาอาจใช้สำนวนต่อไปนี้

  To summarize, …
To conclude …
In conclusion, …

(Sources: “Academic Writing: citing sources: reporting”   Retrieved January 5, 2010, from  http://www.uefap.com/writing/writfram.htm)

 

Back :: Next